ประธานาธิบดีเช็กได้ให้การอนุมัติกฎหมายคริปโตฉบับประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยให้เช็กสามารถปรับกฎระเบียบด้านสินทรัพย์ดิจิทัลให้สอดคล้องกับแนวทางของสหภาพยุโรป(EU)
ตามรายงานของสมาคมคริปโตแห่งเช็ก(CKMA) กฎหมายฉบับใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ‘ลดความซับซ้อนของภาษีคริปโต’ และสนับสนุน ‘นวัตกรรมและการเติบโต’ ของอุตสาหกรรม โดยอ้างอิงจาก ‘กฎหมายตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (MiCA)’ ของ EU กฎหมายนี้เกิดขึ้นภายหลังจากกระบวนการวิ่งเต้นที่ยาวนานหลายปี โดยฟรานติแช็ก วิโนพาล ประธาน CKMA ได้กล่าวว่า "ข้อเสนอที่ดูเป็นไปไม่ได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้ได้กลายเป็นฉันทามติของฝ่ายนิติบัญญัติ"
หนึ่งในหัวข้อสำคัญของกฎหมายฉบับใหม่นี้ คือการอนุญาตให้บริษัทคริปโตสามารถ ‘เปิดบัญชีธนาคาร’ ได้ หากได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ CKMA กล่าวกับสำนักข่าว Cointelegraph ว่า "กฎใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทคริปโตสามารถเชื่อมโยงกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างราบรื่น"
ในขณะเดียวกัน เทเลแกรมได้สร้างกระแสความไม่พอใจในวงการคริปโต หลังจากออกกฎบังคับให้ ‘กระเป๋าเงินคริปโตของบุคคลที่สาม’ ต้องใช้ ‘TON Connect’ เป็นโพรโทคอลหลัก โฆษกของมูลนิธิ TON กล่าวว่า "การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือพิเศษระหว่างเทเลแกรมและมูลนิธิ TON โดยในอนาคตบล็อกเชนเพียงหนึ่งเดียวที่รองรับบนมินิแอปของเทเลแกรมคือ TON" ซึ่งหมายความว่าแอปที่ทำงานบนบล็อกเชนอื่นจะต้อง ‘ย้ายไปยัง TON’ ภายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ ไมโครสแตรทิจี ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘สแตรทิจี(Strategy)’ และรายงานว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 670.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9.73 แสนล้านวอน) ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 รายได้ของบริษัทในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 120.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 แสนล้านวอน) ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 700% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแตะระดับ 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.59 ล้านล้านวอน) ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินแผน ‘21/21’ ในการเข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มขึ้น โดยบริษัทเผยว่า ได้ทุ่มเงินไปแล้ว 20,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 29 ล้านล้านวอน) คิดเป็น ‘ครึ่งหนึ่ง’ ของแผนการลงทุนเดิมที่ 42,000 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 60.9 ล้านล้านวอน) ปัจจุบัน ไมโครสแตรทิจีถือครองบิตคอยน์จำนวน 471,107 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 45,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 65.25 ล้านล้านวอน) ซึ่งทำให้เป็น ‘บริษัทเอกชนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก’
ความคิดเห็น 0