เทเธอร์(USDT) เร่งเจรจาบริษัท Big 4 หวังเพิ่มความโปร่งใสของทุนสำรอง

เทเธอร์(USDT) กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทตรวจสอบบัญชี ‘Big 4’ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสของทุนสำรอง โดยความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังขาที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินของบริษัท และสะท้อนถึงความพยายามในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุน

เมื่อวันที่ 21 ตามรายงานของ Reuters พาโอลา อาร์ดูอิโน ซีอีโอของเทเธอร์ ระบุว่า "การตรวจสอบจากภายนอกอย่างครบถ้วนเป็นเป้าหมายสำคัญของเรา" นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่าท่าทีสนับสนุนคริปโตของ 'ประธานาธิบดีทรัมป์' อาจช่วยให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น อย่างไรก็ตาม เทเธอร์ไม่ได้เปิดเผยว่ากำลังร่วมมือกับบริษัทใดในกลุ่ม Big 4 ซึ่งประกอบไปด้วย ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC), เอิร์นส์ทแอนด์ยัง (EY), ดีลอยต์ และเคพีเอ็มจี (KPMG)

แม้ในปี 2024 เทเธอร์จะมีผลกำไรสุทธิ 13.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 20 ล้านล้านวอน) ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน แต่วงการคริปโตก็ยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับทุนสำรองของบริษัท โดยที่ผ่านมา เทเธอร์เปิดเผยข้อมูลสำรองผ่านรายงานรายไตรมาส แต่ยังไม่มีการตรวจสอบอิสระรายปี

จัสติน บอนส์ ผู้ก่อตั้งกองทุนคริปโต 'ไซเบอร์แคปิทอล' เคยแสดงความกังขาเกี่ยวกับความโปร่งใสของเทเธอร์ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยชี้ว่า "เทเธอร์อ้างว่าถือครองทุนสำรองมูลค่า 118 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 172 ล้านล้านวอน) แต่มันไม่เคยได้รับการตรวจสอบอิสระ" และยังกล่าวเสริมว่า "ในปี 2021 คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) สั่งปรับเทเธอร์เป็นเงิน 41 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 600 พันล้านวอน) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลสำรองที่เป็นเท็จ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อสงสัยต่อเนื่อง"

ทั้งนี้ เทเธอร์ยังแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการที่แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต เช่น คริปโตดอทคอม ถอด USDT ออกจากรายการซื้อขาย อันเนื่องมาจากกฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปที่เรียกว่า MiCA โดยโฆษกของเทเธอร์ให้ความเห็นว่า "การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนและอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานอย่างมาก ซึ่งเรากำลังวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว"