SEC สหรัฐยุติการสอบสวน Immutable ยืนยันไม่มีการละเมิดกฎหมาย

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ได้ยุติการสอบสวน Immutable บริษัทผู้พัฒนาโซลูชันเลเยอร์ 2 สำหรับอีเธอเรียม(ETH) อย่าง Immutable X หลังจากส่งหนังสือแจ้งเตือนทางกฎหมาย (Wells Notice) ให้บริษัทไปเมื่อประมาณ 5 เดือนก่อน

Immutable ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ว่าบริษัทได้รับแจ้งจาก SEC ว่าการสอบสวนได้สิ้นสุดลง โดยไม่มีการพบข้อผิดพลาดทางกฎหมาย และจะไม่มีการดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม

Wells Notice เป็นเอกสารที่ SEC ส่งให้บริษัทหรือบุคคลที่ถูกสอบสวนเพื่อแจ้งว่าหน่วยงานกำลังพิจารณามาตรการทางกฎหมาย และหากตรวจพบการละเมิด อาจนำไปสู่การดำเนินคดี ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว SEC ได้ส่ง Wells Notice ให้ Immutable ซึ่งบริษัทเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการ ‘จดทะเบียนและการขายแบบส่วนตัว’ ของโทเค็น Immutable(IMX) ในปี 2021

ร็อบบี้ เฟอร์กูสัน(Robby Ferguson) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Immutable กล่าวว่าบริษัทรู้สึกยินดีที่ SEC ตัดสินใจยุติการสอบสวน พร้อมทั้งมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็น ‘หมุดหมายสำคัญ’ ในการสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบสำหรับวงการคริปโตและอุตสาหกรรมเกม

อย่างไรก็ตาม บริษัทเปิดเผยว่า SEC ไม่ได้ให้เหตุผลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการยุติการสอบสวน โฆษกของ Immutable กล่าวว่าบริษัทได้รับแจ้งจาก SEC อย่างกะทันหันว่า การตรวจสอบได้สิ้นสุดลง และ SEC ได้พิจารณาว่าข้อมูลที่ Immutable ส่งไปนั้นเพียงพอแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม

นอกจาก Immutable แล้ว SEC ยังได้ยุติการสอบสวนแพลตฟอร์ม NFT อย่าง OpenSea, แพลตฟอร์มซื้อขาย Robinhood, โปรโตคอล DeFi อย่าง Uniswap Labs และกระดานแลกเปลี่ยนคริปโต Gemini ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สะท้อนนโยบายผ่อนปรนกฎระเบียบของรัฐบาลทรัมป์

อย่างไรก็ดี แม้ Immutable จะไม่ต้องเผชิญกับการสอบสวนจาก SEC อีกต่อไป แต่สำนักงานกฎหมาย Rosen Law Firm ของสหรัฐฯ กำลังเตรียมการฟ้องร้องแบบกลุ่มเกี่ยวกับการขายโทเค็น IMX โดยอาจมีข้อพิพาททางกฎหมายเพิ่มเติมในอนาคต

ภายในอุตสาหกรรม คาดการณ์ว่าการลดความเข้มงวดด้านกฎระเบียบของ SEC จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเกมบล็อกเชนและอุตสาหกรรม Web3 Immutable ยังระบุในแถลงการณ์ว่า สตูดิโอเกมขนาดใหญ่เคยมองว่าความไม่แน่นอนทางกฎหมายเป็นอุปสรรคสำคัญ แต่หากมีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน ตลาดธุรกรรมในเกมที่มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.6 ล้านล้านบาท) จะสามารถเติบโตได้มากขึ้น