สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(SEC) อาจกำลังสร้างแรงจูงใจให้บริษัทคริปโตหลายแห่งกลับมาตั้งฐานในสหรัฐฯอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้หลายโครงการเลือกที่จะย้ายออกไปเนื่องจากความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ
ตลอดช่วงที่ผ่านมา SEC ใช้แนวทางควบคุมที่เข้มงวด ทำให้บริษัทคริปโตจำนวนมากย้ายสำนักงานไปต่างประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ หมู่เกาะเคย์แมน และปานามา เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มเข้ามามีบทบาท ก็อาจทำให้สถานการณ์นี้เปลี่ยนแปลงไป
แวดวงคริปโตให้ความสนใจกับแนวทางการกำกับดูแลของ SEC ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เฮสเตอร์ เพียร์ซ กรรมาธิการของ SEC เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาแนวทางใหม่ที่จะรองรับบริษัทคริปโต รวมถึงการให้สิทธิ์อนุมัติให้โทเคนบางประเภทไม่ถูกจัดเป็น ‘หลักทรัพย์’ หากเกิดการปรับเปลี่ยนในทิศทางนี้ อาจช่วยให้การออกและซื้อขายโทเคนภายในสหรัฐฯมีกรอบทางกฎหมายที่ชัดเจนขึ้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลของทรัมป์อาจพิจารณานโยบายภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อคริปโต เอริค ทรัมป์ ลูกชายของประธานาธิบดีทรัมป์ เคยเสนอแนวคิดยกเว้นภาษีกำไรจากทุนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสามารถเป็นแรงจูงใจสำคัญให้บริษัทคริปโตเลือกตั้งฐานในสหรัฐฯแทนประเทศอื่น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทคริปโตยังคงระดมทุนและพัฒนาเทคโนโลยีภายในสหรัฐฯ แต่ใช้บริษัทแม่ที่อยู่ต่างประเทศ หากแนวทางกำกับดูแลของสหรัฐฯชัดเจนขึ้น การย้ายฐานกลับมายังประเทศอาจกลายเป็นแนวโน้มที่เติบโตขึ้น
แม้ว่ายังไม่มีความแน่นอนว่า SEC และรัฐบาลสหรัฐฯจะเดินหน้าดำเนินนโยบายเหล่านี้หรือไม่ แต่ภาคอุตสาหกรรมคริปโตกำลังจับตาทิศทางเหล่านี้อย่างใกล้ชิด หากสหรัฐฯสามารถกำหนดกฎระเบียบที่มีความแน่นอนมากขึ้น อาจส่งผลให้บริษัทบล็อกเชนระดับโลกกลับมาจัดตั้งสำนักงานในสหรัฐฯอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0