เทเธอร์(USDT) ตั้งเป้าผู้ใช้ 1 พันล้าน แต่เผชิญแรงกดดันด้านกฎระเบียบ

เทเธอร์(USDT) กำลังเผชิญกับยุคใหม่ของตลาดสเตเบิลคอยน์ ตามมุมมองของ ซีอีโอ เปาโล อาร์โดอีโน (Paolo Ardoino) ซึ่งเชื่อว่าตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ ‘มัลติเวิร์สสเตเบิลคอยน์’ โดยตั้งเป้าหมายในการดึงดูดผู้ใช้ให้ได้ 1 พันล้านคน

เมื่อวันที่ 27 อาร์โดอีโนโพสต์บน X (Twitter เดิม) ว่า ‘ความต้องการสเตเบิลคอยน์’ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ในภาคเอกชน แต่ยังรวมถึงรัฐบาลหลายประเทศที่เริ่มพัฒนาทางเลือกด้านสกุลเงินดิจิทัล เขายังกล่าวถึงกฎระเบียบตลาดคริปโตของสหภาพยุโรป (MiCA) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเร่งให้เกิดการยอมรับสเตเบิลคอยน์มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับมุมมองนี้ ซีอีโอของ AMLBot สลา วาเดมชุค (Slava Demchuk) ให้ความเห็นว่า "การกล่าวอ้างว่ารัฐบาลและบริษัทเอกชนพากันออกสเตเบิลคอยน์เป็นร้อยๆ สินทรัพย์นั้นเกินจริง" เขาชี้ว่าการออกสเตเบิลคอยน์ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก และ MiCA กำหนดมาตรการที่เข้มงวดเรื่องทุนสำรองและสภาพคล่อง

อีกประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ ความเสี่ยงจาก ‘ความไม่สอดคล้องของกฎระเบียบทั่วโลก’ เดมชุคระบุว่าสหภาพยุโรปชัดเจนในแนวทาง MiCA แต่สหรัฐฯ ยังไม่มีนโยบายที่แน่นอน ส่งผลให้ตลาดสเตเบิลคอยน์อยู่ในภาวะที่เขาเรียกว่า "การกระจัดกระจายของกฎระเบียบ" ซึ่งอาจกระตุ้นให้บริษัทคริปโตย้ายไปยังประเทศที่มีกฎคุมเข้มน้อยกว่า เสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักลงทุน

อาร์โดอีโนยังเน้นถึงการเติบโตของเทเธอร์ โดยกล่าวว่าผู้ใช้ปัจจุบันมีประมาณ 400 ล้านคน และคาดว่าจะทะลุ 1 พันล้านในเร็วๆ นี้ เขาเชื่อว่าแนวทาง ‘การเติบโตจากรากฐาน’ จะช่วยให้เทเธอร์สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ๆ และสร้างระบบการเงินที่ครอบคลุมกว้างขึ้น

แม้เป้าหมายของเทเธอร์จะดูทะเยอทะยาน แต่บางผู้เชี่ยวชาญมองว่ายากที่จะเป็นจริง วาซิลี วิดมาโนฟ (Vasily Vidmanov) ซีโอโอของ PureFi แสดงความเห็นว่า "การที่ USDT ถูกถอดจากกระดานเทรดสำคัญอย่างไบแนนซ์, คราเคน และคอยน์เบสในยุโรป แสดงให้เห็นว่าตลาดไม่สามารถหลีกเลี่ยงแรงกดดันด้านกฎระเบียบได้อีกต่อไป"

อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบว่าเทเธอร์อาจถูกใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ อาร์โดอีโนเคยปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ วิดมาโนฟ เตือนว่า หากไม่มีการปรับตัวต่อกฎระเบียบหรือการขยายตลาดเชิงรุก การบรรลุเป้า 1 พันล้านผู้ใช้อาจเป็นไปได้ยากในอีก 1-2 ปีข้างหน้า