ทรัมป์จุดชนวนศึกการค้า จนตลาดคริปโตร่วง ดอจคอยน์(DOGE) ดิ่ง 7% ขณะนักลงทุนแห่ซื้อทองคำ

นโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดการเงินอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 หลังจากที่เขาลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บ ‘ภาษีนำเข้าสูง’ 25% สำหรับรถยนต์ที่นำเข้าจากแคนาดาและสหภาพยุโรป(EU) พร้อมส่งสัญญาณถึงมาตรการเพิ่มเติมในอนาคต ส่งผลให้ตลาดคริปโตตอบโต้ทันที

มาตรการขึ้นภาษีดังกล่าวทำให้ความขัดแย้งทางการค้าในระดับโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มต้นอย่างจริงจังในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเหตุให้ความไม่แน่นอนในตลาดเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย สกุลเงินดิจิทัลหลักไม่ว่าจะเป็น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), ดอจคอยน์(DOGE) และ ริปเปิล(XRP) ต่างร่วงลงอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยเฉพาะดอจคอยน์ที่ร่วงหนักเกือบ 7% ขณะที่ โทนคอยน์(TON) เป็นเหรียญเดียวที่ราคาขยับขึ้นถึง 5% ภายใน 24 ชั่วโมง

ในด้านตัวเลขราคา บิตคอยน์ลดลง 1.8% มาอยู่ที่ 85,925 ดอลลาร์ (ประมาณ 12.53 ล้านบาท), อีเธอเรียมร่วง 5.1% เหลือ 1,923 ดอลลาร์ (ราว 2.8 แสนบาท) และมูลค่ารวมของตลาดคริปโตทั้งหมดลดลง 2.35% เหลือเพียง 2.79 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 4,079 ล้านล้านบาท) ในขณะที่ ‘ทองคำ’ ซึ่งถูกมองว่าเป็น *สินทรัพย์ปลอดภัย* พุ่งขึ้นทะลุ 3,109 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ราว 4.53 แสนบาท) ซึ่งสะท้อนถึงภาวะความกลัวของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี

ตอนนี้ความสนใจของตลาดหันไปที่ดัชนี ‘การใช้จ่ายผู้บริโภคส่วนบุคคล’ หรือ PCE เดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเงินเฟ้อสำคัญที่คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงิน หากตัวเลขออกมาน่ากังวล มีความเป็นไปได้ว่า *ราคาคริปโตจะร่วงลงอีก*

นอกจากนี้ วันเดียวกันยังเป็น ‘วันหมดอายุของออปชันคริปโต’ ที่มีมูลค่าสูงถึง 12.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.78 ล้านล้านบาท) โดยเฉพาะบิตคอยน์ อาจส่งผลเพิ่มความผันผวนในระยะสั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกัน บริษัทเทรดดิ้ง QCP Capital ระบุว่า “บิตคอยน์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคาที่จำกัด และปริมาณการซื้อขายก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าสภาพตลาดโดยรวมกำลังสูญเสียความเชื่อมั่น” พร้อมเสริมว่าหากจะมีการดีดกลับของราคา ก็น่าจะเกิดขึ้นในระดับจำกัดเท่านั้น ความเคลื่อนไหวราคาจะขึ้นอยู่กับผลจาก PCE และความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ในการตอบโต้ทางการค้ารอบถัดไป

ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ นักลงทุนจึงมีแนวโน้มเทขายบิตคอยน์และหันไปหาทองคำในฐานะ *สินทรัพย์ปลอดภัย* อย่างต่อเนื่อง ความเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่ง ‘ความกังวล’ ว่าบทบาทของบิตคอยน์ในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’ กำลังถูกตั้งคำถามมากขึ้นในช่วงนี้