ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งทะลุแนวต้านที่ 110,000 ดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ ตามการคาดการณ์ของอาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของเมลสตรอม(Maelstrom) โดยเขาให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแนวทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไปสู่ท่าทีผ่อนคลาย และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง กำลังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดคริปโต
เมื่อวันที่ 23 บิตคอยน์ปิดสัปดาห์ที่ระดับเกิน 86,000 ดอลลาร์ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง เฮย์สกล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ว่า "เฟดเปลี่ยนนโยบายจาก QT (การลดงบดุล) ไปสู่ QE (การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการขยายงบดุล) และการรับรู้ว่าภาวะเงินเฟ้อเป็นเพียงแค่ ‘ชั่วคราว’ กำลังส่งสัญญาณบวกสู่ตลาด" โดยเขาเชื่อว่าบิตคอยน์มีโอกาสไปถึง 110,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะกลับมาทดสอบระดับเดิมที่ 76,500 ดอลลาร์
เฮย์สยังเสริมว่า หากบิตคอยน์สามารถแตะระดับ 110,000 ดอลลาร์ได้สำเร็จ เป้าหมายต่อไปอาจอยู่ที่ 250,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายยังแสดงความระมัดระวัง โดยเบนจามิน โคเวน จากอินทูเดอะคริปโตเวิร์ส(IntoTheCryptoVerse) ชี้ว่า การตีความว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสิ้นสุด QT ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนอาจ ‘เป็นการเร่งด่วนเกินไป’ เพราะยังมีแผนการขายตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองรองรับ (MBS) เดือนละ 35,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่ายังมีการลดงบดุลต่อเนื่อง
ในด้านดีไฟ (DeFi) ตลาดกลับมาร้อนแรงหลังมีกรณีปลาวาฬรายใหญ่ในแพลตฟอร์มไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) ใช้ช่องโหว่ของระบบสร้างกำไรมหาศาลถึง 6.2 ล้านดอลลาร์ (ราว 90.7 ล้านบาท) ภายในเวลาแค่ 5 นาที ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน อาร์แคม(Arkham) ปลาวาฬรายนี้ดำเนินการเทรดขนาดใหญ่ 3 ครั้งติดต่อกัน เพื่อสร้างความผันผวน ก่อนจะวางตำแหน่งยาว-สั้นตัดสลับกัน เพื่อหลบเลี่ยงเงื่อนไขการบังคับขาย
ระหว่างเหตุการณ์นี้ มีมโทเคนชื่อ “เจลลี(JELLY)” มีราคาพุ่งขึ้นถึง 400% ส่งผลให้ตำแหน่งชอร์ตมูลค่า 4.1 ล้านดอลลาร์ไม่ถูกชำระล้างทันที แต่กลับถูกส่งไปยังพูลสภาพคล่อง ทำให้ปลาวาฬได้กำไรก้อนใหญ่ ปัจจุบัน ปลาวาฬคนดังกล่าวยังถือโทเคนคิดเป็นประมาณ 10% ของการหมุนเวียนทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าราว 1.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 27.7 ล้านบาท)
ขณะเดียวกัน ฟิเดลิตี้(Fidelity) ยักษ์ใหญ่ด้านบริหารสินทรัพย์ของสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าปล่อยเหรียญเสถียรภาพที่อ้างอิงกับดอลลาร์ โดยโครงการนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ ฟิเดลิตี้ ดิจิทัล แอสเซตส์ ซึ่งได้แรงหนุนจากสถานการณ์ผ่อนคลายกฎระเบียบที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยฟิเดลิตี้ยังเตรียมเปิดตัวกองทุนประเภท ‘มัลติมาร์เก็ต’ ที่เป็นเวอร์ชันบนบล็อกเชน หรือ ‘ออนเชน(ONCHN)’ ซึ่งยึดตามรูปแบบเดิมของกองทุน 'Treasury Digital Fund (FYHXX)' ที่อ้างอิงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงโลกการเงินแบบดั้งเดิมกับตลาดคริปโต
ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดพยากรณ์แบบกระจายศูนย์ ‘โพลีมาร์เก็ต(Polymarket)’ ตกเป็นเป้าการวิจารณ์ หลังเกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับการเดิมพันว่า สหรัฐฯ และยูเครนจะบรรลุข้อตกลงซื้อขายแร่หายากหรือไม่ โดยแม้จะไม่มีข้อตกลงใดเกิดขึ้น แต่ผลการเดิมพันกลับออกเป็น “Yes” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการแทรกแซงกลไกออราเคิลแบบจงใจ โดยมีรายงานว่าปลาวาฬ UMA ใช้กระเป๋าเงิน 3 บัญชี ร่วมลงคะแนนเสียงคิดเป็น 25% ของยอดรวมทั้งหมด
ตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้ยังคงอยู่ในทิศทางเชิงบวก โดยเฉพาะดีไฟ ที่มีโทเคนในเครือเช่น โฟโทเคน(CRO) บางตัวพุ่งขึ้นมากกว่า 10% อย่างไรก็ตาม ปัญหาระบบและข้อบกพร่องด้านการกำกับดูแลก็กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดยังคงเผชิญแรงกดดันเรื่องความน่าเชื่อถือในระยะยาว
ภายใต้ความเคลื่อนไหวเชิงบวกนี้ บริษัทดีดับเบิลยูเอฟ แล็บส์(DWF Labs) ในดูไบ ได้ประกาศตั้งกองทุนมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,650 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการบล็อกเชนระดับกลางถึงใหญ่ พร้อมกับเสนอแผนลงทุนมูลค่าสูงสุด 50 ล้านดอลลาร์ในแต่ละโปรเจกต์ โดยเน้นการสนับสนุนเทคโนโลยีเว็บ3 และการเพิ่มผู้ใช้งานจริงให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์มากขึ้น
*ความคิดเห็น: การเคลื่อนไหวทั้งในระดับนโยบายการเงินและกลไกตลาดในปัจจุบัน กำลังส่งแรงกระเพื่อมครั้งใหม่ให้กับวงการคริปโต ขณะที่ประเด็นความปลอดภัยและหลักธรรมาภิบาลยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่อุตสาหกรรมต้องเร่งแก้ไข*
ความคิดเห็น 0