บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงกว่า 3.5% ภายในวันเดียว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม เหลือเพียง 84,120 ดอลลาร์ หลังจากพักตัวบริเวณขอบบนของ *ช่องราคาขาขึ้น* และแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงในเชิงเทคนิค โดยในขณะนี้ราคาบิตคอยน์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบชี้นำระยะยาว (EMA) 200 วัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ทำให้ตลาดเริ่มกังวลว่ากระแสราคาระยะกลางถึงยาวอาจเข้าสู่ช่วงขาลง
จากรายงานล่าสุดของบริษัทวิเคราะห์ตลาด แคปิตอลโฟลวส์(Capital Flows) ระบุว่า หากสภาพแวดล้อมทาง *สภาพคล่องระดับมหภาค (Macro Liquidity)* ไม่เปลี่ยนแปลง ราคาบิตคอยน์ก็อาจร่วงลงต่อเนื่องไปแตะระดับ 72,000 ถึง 75,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 105–109.5 พันล้านวอน โดยสภาพคล่องดังกล่าวเป็นดัชนีวัดว่าตลาดสามารถรองรับความเสี่ยงได้มากเพียงใด ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด), อัตราดอกเบี้ย และสภาวะการเงินโดยรวมในตลาดโลก
แคปิตอลโฟลวส์ยังเสริมว่า แม้บิตคอยน์จะมีความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นกับสินทรัพย์เสี่ยงแบบดั้งเดิม แต่ก็ยังจัดอยู่ปลายสุดของ *ความเสี่ยงทางการลงทุน* นั่นหมายความว่าหากนักลงทุนต้องการย้ายเงินลงทุนจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตร ไปสู่บิตคอยน์นั้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ใน *ภาวะตลาดและความเชื่อมั่น* โดยรวม
ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าสัญญาณบวกอาจมาจากการเติบโตของ *ปริมาณเงิน M2* ทั่วโลก ซึ่งในอดีตเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราคาบิตคอยน์ โคลิน ทอล์กส์คริปโต(Colin Talks Crypto) นักวิเคราะห์คริปโต ระบุว่า หากการขยายตัวของ M2 กลับมาอีกครั้ง โอกาสที่ตลาดบิตคอยน์จะเข้าช่วง *ขาขึ้นต่อเนื่อง* ในราวต้นเดือนพฤษภาคมอาจกินระยะเวลานานถึง 2 เดือน
อย่างไรก็ดี ยังมีความเห็นแย้งว่า การเพิ่มขึ้นของ M2 ไม่ได้สะท้อนถึงการไหลเข้าของเม็ดเงินสู่สินทรัพย์เสี่ยงเสมอไป เพราะแม้ M2 จะเพิ่มขึ้น แต่หากเงินดังกล่าวยังคงถูกเก็บไว้ในรูปของเงินฝากหรือพันธบัตรระยะยาว ก็อาจไม่ช่วย *กระตุ้นตลาดคริปโต* ได้อย่างแท้จริง แคปิตอลโฟลวส์ย้ำว่า ปัจจุบันการเพิ่มของปริมาณเงินในระบบช้ากว่าเดิมมาก และ *การแพร่กระจายของเม็ดเงิน*ก็ไม่มีความเร็วเท่าในอดีต
การปรับตัวลงของราคาบิตคอยน์ในครั้งนี้ยังเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ *CME ฟิวเจอร์สแก็ป* ในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ฟิวเจอร์สบิตคอยน์บน CME ไม่ได้มีการซื้อขายในวันหยุด และราคาปรับตัวตามตลาดทันทีเมื่อกลับมาเปิดการซื้อขาย โดยแก็ปที่ระดับ 84,435–85,000 ดอลลาร์ได้ถูกปิดไปเรียบร้อย ทำให้ราคามีโอกาสเกิดการดีดตัวกลับในระยะสั้น แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในด้านสภาพคล่อง แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องก็ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง
HTL-NL เทรดเดอร์คริปโตที่มีชื่อเสียง คาดการณ์ว่าแนวรับถัดไปอยู่ที่ 76,700 ดอลลาร์ ส่วนระดับต่ำสุดถัดไปคือ 74,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์เทคนิค คริปโตเชส(Crypto Chase) แสดงความคิดเห็นว่า ระดับ 85,270 ดอลลาร์เป็น *แนวรับสุดท้าย* หากไม่สามารถยืนเหนือได้ ก็มีโอกาสเห็นราคาลงไปทดสอบระดับต้นๆ ของ 80,000 ดอลลาร์ เพื่อหาจุดสะสมสภาพคล่อง
ความคิดเห็น: *ตลาดคริปโตยังต้องการปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกมากกว่านี้เพื่อพลิกกลับเข้าสู่ช่วงกระทิง โดยเฉพาะในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง ความมั่นใจของนักลงทุนยังไม่พอที่จะผลักดันราคาให้ยืนระยะได้ในระยะกลางถึงยาว*
จากสภาพตลาดในปัจจุบัน บิตคอยน์ยังไม่น่าจะสามารถกลับมาแข็งแกร่งได้ในระยะกลางหากไม่มีสัญญาณชัดเจนจากทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น การปรับนโยบายดอกเบี้ย หรือการผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยธนาคารกลางต่างๆ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการพลิกกระแสราคาในอนาคต
ความคิดเห็น 0