ราคาอีเธอเรียม(ETH) ร่วงลง 36% ในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้น มูลค่าตลาดของ ETH ลดลงจาก 360,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 522 ล้านล้านวอน) เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2024 เหลือเพียง 230,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 334 ล้านล้านวอน) ส่งผลให้กำไรของนักลงทุนถูกบีบอัดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ETH ยังคงมีแนวโน้มที่ซบเซา ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในตลาด
ขณะนี้ความเชื่อมั่นในตลาด ETH อยู่ในระดับต่ำ จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ‘แซนติเมนต์(Santiment)’ ระบุว่า ความกลัวและความไม่แน่นอน (FUD) ของนักลงทุนส่งผลให้แรงกดดันในการขายเพิ่มขึ้น และทำให้ปริมาณการซื้อขายรายวันลดลง 20% เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปริมาณซื้อขายของ ETH อยู่ที่ 15.2 ล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนที่ 19 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ กิจกรรมบนเครือข่ายยังลดลงเช่นกัน โดยจำนวนที่อยู่ที่ใช้งานอยู่ลดลง 12% และปริมาณธุรกรรมลดลง 18% แสดงให้เห็นถึงการหดตัวของตลาดโดยรวม
การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังส่งสัญญาณที่น่ากังวล ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 32 ซึ่งบ่งชี้ว่า ETH อยู่ในสภาวะ ‘ขายมากเกินไป’ อย่างไรก็ตาม เส้น MACD ยังคงชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง ขณะที่ตัวบ่งชี้ 'บอลลินเจอร์แบนด์' สะท้อนว่าความผันผวนของราคากำลังเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคา ETH ในช่วงที่ผ่านมา ที่ร่วงลงแตะระดับ 2,140 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.11 ล้านวอน) ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาที่ 2,620 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.8 ล้านวอน) อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดในเดือนธันวาคมถึง 37%
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า ETH อาจฟื้นตัวได้ นักวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน ‘แมกซ์เพน(Maxpain)’ เปิดเผยว่า อัตรากำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง (NPL) ของเครือข่ายกำลังสร้างฐาน ซึ่งในอดีต สถานการณ์นี้มักนำไปสู่การฟื้นตัวของราคา
นอกจากนี้ ยังพบสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับเข้าซื้อของนักลงทุนรายใหญ่ (วาฬ) โดยปริมาณการซื้อขายที่มีมูลค่าเกิน 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 145 ล้านวอน) เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว หากแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป ETH อาจมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้
แม้ว่าตลาดจะยังคงมีความผันผวนสูง แต่การเข้าซื้อของนักลงทุนรายใหญ่และสัญญาณ ‘ขายมากเกินไป’ จากดัชนีทางเทคนิค บ่งชี้ว่ามีโอกาสที่ราคาจะฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับความเสี่ยง เนื่องจากในระยะสั้น ETH อาจเผชิญกับแรงกดดันจากการปรับฐานเพิ่มเติม
ความคิดเห็น 0