วุ่นในวงการคริปโต! จัสติน ซันกล่าวหา FDUSD ล้มละลาย – Circle เดินหน้า IPO – VanEck เปิดตัว ETF อิง BNB

ในตลาดคริปโต หนึ่งวันที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องหลายอย่างที่เรียกความสนใจจากนักลงทุน โดยเริ่มจากคำกล่าวอ้างของ จัสติน ซัน(Justin Sun) ว่าโครงการสเตเบิลคอยน์ FDUSD ของเฟิร์สต์ ดิจิทัล(First Digital) อยู่ในภาวะ ‘ไม่สามารถชำระหนี้’ ทำให้ราคา FDUSD หลุดค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐชั่วคราว ขณะเดียวกัน บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำอย่างแวนเอค(VanEck) ได้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อเตรียมออก ETF ที่อิงโซลานา(BNB) และ เซอร์เคิล(Circle) ผู้ออกเหรียญ USDC ก็เริ่มเร่งกระบวนการ IPO เพื่อลงตลาดหุ้นนิวยอร์ก

เมื่อวันที่ 2 จัสติน ซัน ผู้ก่อตั้งเครือข่ายทรอน ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่าเฟิร์สต์ ดิจิทัลอาจเผชิญภาวะล้มละลาย ซึ่งส่งผลให้ FDUSD สูญเสียความน่าเชื่อถือชั่วคราว ทางเฟิร์สต์ ดิจิทัลออกแถลงการณ์ตอบโต้อย่างรวดเร็วว่า FDUSD ได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนด้วยพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้น รวมถึงสามารถแลก 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐได้ทุกเมื่อ บริษัทยังชี้แจงว่าข้อมูลกองทุนและรหัส ISIN ได้รับการเปิดเผยอย่างโปร่งใส ทั้งยังระบุการโต้แย้งของซันน่าจะสับสนกับกรณีของ ทรูUSD(TUSD) แทน และเตรียมดำเนินคดีในข้อหากล่าวหาเท็จ

แม้มีความไม่แน่นอนในตลาดสเตเบิลคอยน์ ฝั่งผู้ลงทุนสถาบันกลับเร่งเดินหน้าสู่ระบบการเงินแบบจัดระเบียบ โดยแวนเอคได้จดทะเบียนจัดตั้ง ‘VanEck BNB ETF’ ในรัฐเดลาแวร์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม เป็นการปูทางสู่การนำเสนอ ETF อิงกับเหรียญ BNB ในตลาดสหรัฐฯ ชี้ถึงความพยายามนำสินทรัพย์ดิจิทัลจากแพลตฟอร์มไบแนนซ์เข้าสู่รูปแบบการลงทุนตามเกณฑ์กฎหมาย

อีกด้านหนึ่ง เซอร์เคิล ผู้ออกเหรียญ USDC ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสเตเบิลคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้ยื่นเอกสารฟอร์ม S-1 ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์(SEC) เมื่อวันที่ 1 โดยมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ ‘CRCL’ รายงานทางการเงินระบุว่า รายได้รวมปี 2024 ของเซอร์เคิลอยู่ที่ 1.67 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน แม้ว่ากำไรสุทธิจะลดลง 41.8% เหลือ 155.6 ล้านดอลลาร์ กว่า 99% ของรายได้มาจากผลตอบแทนจากการถือครองทุนสำรองของ USDC

เซอร์เคิลเคยพยายามเข้าตลาดด้วยวิธีควบรวมกับ SPAC ในปี 2021 แต่แผนล่มสลายในปี 2022 กระทั่งกลับมาเดินหน้า IPO แบบดั้งเดิมในต้นปีนี้ การเข้าตลาดอย่างเป็นทางการครั้งนี้อาจกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ของอุตสาหกรรมคริปโต หากเซอร์เคิลสำเร็จ ก็จะเป็นผู้เล่นอันดับสองในตลาดสเตเบิลคอยน์ที่เข้าเทรด ถัดจากเทเธอร์(USDT) ซึ่งอาจเพิ่มระดับอิทธิพลในอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ

ท่ามกลางสถานการณ์กำกับดูแลที่สลับซับซ้อน เหล่าโปรเจกต์คริปโตรายใหญ่ต่างพยายามปรับตัวผ่านช่องทางแบบเป็นทางการ เช่น การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือการจัดตั้งนิติบุคคลสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อลดความเสี่ยง สร้างความเชื่อมั่น และเปิดทางสู่เงินทุนระยะยาวในตลาดการเงินกระแสหลัก ความเคลื่อนไหวนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจของภาคเอกชนในวงการคริปโต แม้ต้องเผชิญแรงต้านจากข้อกฎหมายและความไม่แน่นอนตลอดหลายปีที่ผ่านมา