ทรัมป์เสนอชื่อ 'พอล แอตกินส์' นั่งประธาน SEC คาดผลักดันกฎเกณฑ์คริปโตชัดเจน

ประธานาธิบดีทรัมป์มีความเคลื่อนไหวสำคัญในการแต่งตั้ง ‘พอล แอตกินส์(Paul Atkins)’ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 3 (เวลาท้องถิ่น) คณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งแอตกินส์ด้วยคะแนน 13 ต่อ 11 ส่งผลให้เขาเข้าใกล้การดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีกขั้น หน้าที่ของเขาจะเป็นการรับช่วงต่อจากแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) โดยมีแนวโน้มที่จะดำรงตำแหน่งต่อเนื่องเป็นวาระที่สอง

ทีม สก็อตต์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน กล่าวสนับสนุนก่อนการลงมติว่า ‘แอตกินส์’ คือบุคคลที่สามารถมอบ *ความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่จำเป็นเร่งด่วน* ให้กับอุตสาหกรรมคริปโตได้ ขณะที่ทรัมป์เคยประกาศเสนอชื่อแอตกินส์ทันทีหลังคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ลึกเกี่ยวกับ *สินทรัพย์ดิจิทัลและกรอบกำกับดูแลทางการเงิน*

ในวันเดียวกัน สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐยังมีความคืบหน้าในการผลักดันนโยบายเกี่ยวกับคริปโต โดยคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินมีมติผ่านร่างกฎหมายสเตเบิลคอยน์ที่มีชื่อว่า ‘กฎหมาย STABLE’ ด้วยคะแนนเสียง 32 ต่อ 17 ซึ่งรวมถึงเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครต 6 ราย กฎหมายดังกล่าวจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนฯ เต็มคณะในลำดับถัดไป

สาระสำคัญของ ‘กฎหมาย STABLE’ คือการกำหนดกฎเกณฑ์เฉพาะสำหรับ ‘สเตเบิลคอยน์ที่ใช้ชำระเงิน’ โดยกำหนดให้ผู้ออกเหรียญต้องมี *การเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงและโครงสร้างทุนสำรอง* ก่อนหน้านี้วุฒิสภายังได้ผ่านร่างกฎหมาย ‘GENIUS’ ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ทำให้สองคณะกรรมาธิการอาจต้องเข้าสู่การเจรจาเพื่อประสานเนื้อหาให้สอดคล้อง คาดว่า *กระบวนการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ* จะเริ่มต้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ด้านล็อบบี้ในสหรัฐ

อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการคลังสหรัฐผ่านสำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศ (OFAC) ได้ประกาศคว่ำบาตร *8 ที่อยู่กระเป๋าคริปโตใหม่* ที่เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนของรัสเซียชื่อ ‘การันเท็กซ์(Garantex)’ และกลุ่มกบฏฮูตี(Houthis) ในเยเมน ตามรายงานจาก Chainalysis และ TRM Labs พบว่าที่อยู่นี้เกี่ยวข้องกับ *การเคลื่อนไหวเงินผิดกฎหมายมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์* (ราว 1.46 หมื่นล้านบาท) โดยส่วนใหญ่ใช้เป็นทุนสนับสนุนกิจกรรมทางทหารในเยเมนและบริเวณทะเลแดง

จากที่อยู่กระเป๋าทั้งหมด มี 2 กระเป๋าที่เป็น *กระเป๋าฝากของแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์* ส่วนอีก 6 กระเป๋าเป็นของบุคคลส่วนตัว การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐในการ *ต่อสู้กับการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้ายผ่านคริปโต* โดยเฉพาะเมื่อพบว่าแพลตฟอร์มคริปโตที่มีฐานในรัสเซียกลับมีความเชื่อมโยงกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นที่น่าจับตาในวงการคริปโตทั่วโลก