จางเผิง จ่าว จับมือรัฐบาลคีร์กีซ ตั้งต้นแบบความร่วมมือบล็อกเชนในเอเชียกลาง

จางเผิง จ่าว(CZ) หนึ่งในบุคคลสำคัญของอุตสาหกรรมคริปโตระดับโลก ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลคีร์กีซสถาน เมื่อวันที่ 3 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านบล็อกเชน, การยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์, และการผลิตบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีดิจิทัล ความร่วมมือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความร่วมมือทางเทคโนโลยีระหว่างประเทศ และอาจกลายเป็นต้นแบบของการกำหนดนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียกลาง

บันทึกข้อตกลงดังกล่าวเปิดเผยโดยประธานาธิบดีซาดีร์ จาปารอฟ(Sadyr Zhaparov) ของคีร์กีซสถาน โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมการให้คำปรึกษาด้านกฎระเบียบ, การวางโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน, และการจัดตั้งหลักสูตรฝึกอบรมเกี่ยวกับบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการลงทุนแห่งชาติ (NIA) จะเป็นหน่วยงานหลักที่ผลักดันความร่วมมือดังกล่าวในระดับภาครัฐและเอกชน รวมถึงการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

จางเผิง จ่าว ได้ประกาศความร่วมมือครั้งนี้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตน พร้อมระบุว่า ได้ให้คำปรึกษาด้านกรอบกำกับดูแลบล็อกเชนและคริปโตกับรัฐบาลหลายแห่ง พร้อมเน้นย้ำว่า ความตั้งใจของเขาไม่ใช่แค่การผลักดันแพลตฟอร์มซื้อขายเหรียญ แต่เป็นการขยายศักยภาพของบล็อกเชนในภาครัฐและการบริการสาธารณะอีกด้วย "ความคิดเห็น" ของเขาสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทอย่างแท้จริงในสังคม

รัฐบาลคีร์กีซตั้งเป้าที่จะใช้ความร่วมมือนี้ในการยกระดับความมั่นคงของสินทรัพย์ดิจิทัล และพัฒนาแรงงานท้องถิ่นให้เชี่ยวชาญในด้านบล็อกเชน, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, และการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล ประธานาธิบดีจาปารอฟ ชี้ว่า ความร่วมมือนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’ อย่างยั่งยืน และส่งผลต่อวิสัยทัศน์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

แม้จางเผิง จ่าวจะถอนตัวจากตำแหน่งซีอีโอของไบแนนซ์(Binance) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 และต้องโทษจำคุก 4 เดือนจากกรณีเอื้อเฟื้อการฟอกเงินตามคำตัดสินของศาลสหรัฐในต้นปี 2024 แต่บทบาทของเขาในโลกคริปโตยังคงแข็งแกร่ง ความร่วมมือกับคีร์กีซแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของเขาที่ขยายสู่เวทีระหว่างประเทศมากขึ้น

แม้ยังไม่มีการเปิดเผยโรดแมปการดำเนินโครงการที่ชัดเจน แต่ทั้งสองฝ่ายระบุว่าการดำเนินการจริงจะเริ่มขึ้นภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความท้าทายด้านกฎระเบียบที่ยังยุ่งยากในหลายประเทศ ความริเริ่มในครั้งนี้อาจกลายเป็นต้นแบบในการสร้างศูนย์กลางนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งใหม่ในเอเชียกลาง และเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภูมิภาค