ASIC สั่งยุติกิจการ 95 บริษัทแชร์ลูกโซ่คริปโต มูลค่าความเสียหายกว่า 850 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) ได้รับการอนุมัติจากศาลรัฐบาลกลางให้ดำเนินการยุติกิจการกับ 95 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ ‘แชร์ลูกโซ่คริปโต’ และ ‘หลอกลวงความรักออนไลน์’ ซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นกลุ่ม ‘ไฮดรา (hydra)’ โดยตรวจสอบพบว่าบริษัทส่วนใหญ่จัดตั้งขึ้นด้วยข้อมูลเท็จ และมีการใช้กลยุทธ์หลอกลวงที่เรียกว่า ‘การล่อเหยื่อแบบหมู (pig butchering)’ ซึ่งถือเป็นรูปแบบของ *การหลอกลวงลงทุนคริปโต* ที่มีชื่อเสียง

วิธีการจากกลุ่มเหล่านี้มักเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ปลอมกับเหยื่อ สร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนชักจูงให้นำเงินไปลงทุนบนแพลตฟอร์มคริปโตปลอม เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ASIC ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยุติกิจการบริษัทจำนวน 17 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิด 48 กรณี โดยผู้พิพากษาแองกัส สจ๊วต (Angus Stewart) ระบุว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าบริษัทเหล่านี้มีพฤติกรรมฉ้อโกงตามรูปแบบ ‘pig butchering’ ร่วมกัน

ซารา คอร์ต (Sarah Court) รองประธาน ASIC ให้ข้อมูลว่าบริษัทเหล่านี้มักอ้างว่าให้บริการทางการเงินตามปกติ เพื่อหลอกล่อเหยื่อ แต่แท้จริงแล้วเป็นการดำเนินกิจกรรมฉ้อโกงอย่างเป็นระบบ โดยเชื่อว่ามีส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผลการตรวจสอบโดยผู้ชำระบัญชีชั่วคราวจาก Cor Cordis ได้แก่ แคทเธอรีน โคนิลลี และโธมัส เบิร์ช ชี้ว่าจากทั้งหมด 95 บริษัท มีเพียง 3 บริษัทที่มี ‘ทรัพย์สินที่แท้จริง’ ส่วนที่เหลืออีก 92 บริษัทได้รับคำแนะนำให้เข้าสู่กระบวนการชำระบัญชีและยกเลิกการจดทะเบียน

คดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายกว่า 1,500 ราย รวมยอดเคลมกว่า 35.8 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 522 พันล้านวอนหรือราว 850 ล้านบาท) โดยเหยื่อกระจายอยู่ในกว่า 14 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, สหรัฐฯ, อินเดีย, เนปาล และกานา

นอกจากนี้ ASIC ยังเร่งปราบปราม *เว็บหลอกลวงลงทุนคริปโต* โดยสามารถปิดเว็บไซต์ปลอมได้เฉลี่ยสัปดาห์ละ 130 แห่ง รวมปัจจุบันกว่า 10,000 เว็บไซต์ แบ่งเป็นแพลตฟอร์มลงทุนปลอมประมาณ 7,200 แห่ง และเว็บไซต์ฟิชชิ่งกว่า 1,500 แห่ง ซารา คอร์ต เตือนว่าบริษัทเหล่านี้มีลักษณะเหมือน ‘ไฮดรา’ ในตำนาน ที่เมื่อตัดหัวหนึ่งขาด ก็จะงอกหัวใหม่ออกมาแทน พร้อมแนะให้ผู้บริโภคระวังอย่างมาก

ขณะที่ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงแห่งชาติของออสเตรเลียรายงานว่าในปี 2024 ยอดความเสียหายจากการหลอกลวงลดลง 26% เหลือประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ โดยจำนวนเหตุการณ์หลอกลวงที่ถูกรายงานลดลง 17.8% เหลือประมาณ 490,000 กรณี อย่างไรก็ตาม ASIC ย้ำว่า ‘ภัยจากเครือข่ายหลอกลวงซ่อนตัว’ ยังคงมีอยู่จริง พร้อมเดินหน้าปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และเตือนผู้ใช้งานคริปโตให้ระวังภัยอย่างรอบคอบ