ตลาดคริปโตร่วงแรง! บิตคอยน์(BTC) ดิ่ง 4.9% หลังจีนส่งสัญญาณลดค่าเงินตอบโต้ภาษีทรัมป์

ตลาดคริปโตปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง หลังจากจีนส่งสัญญาณ ‘ลดค่าเงินหยวน’ เพื่อตอบโต้การเรียกเก็บภาษีนำเข้า 104% ของรัฐบาลทรัมป์ ขณะที่ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมืองในระดับโลก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงลดลง โดยบิตคอยน์(BTC) ร่วงลง 4.9% สู่ระดับ 76,327 ดอลลาร์ ส่วนอีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) และริปเปิล(XRP) ก็ไม่สามารถต้านแรงขายได้ ร่วงลงในช่วง 6-9%

การเทขายในครั้งนี้ถูกกระตุ้นโดยท่าทีแข็งกร้าวด้านนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งล่าสุดประกาศเพิ่มภาษีตอบโต้จีนอีก 104% จนทำให้ราคาบิตคอยน์แม้จะเคยดีดขึ้นไปแตะ 79,000 ดอลลาร์ แต่ก็กลับตัวลงอย่างรวดเร็วหลังเกิด ‘การล้างโพสิชัน’ ระดับหลายร้อยล้านดอลลาร์ โดยข้อมูลจากตลาดฟิวเจอร์สระบุว่ามีการปิดโพสิชันรวมมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,380 พันล้านบาท) ซึ่งเร่งแรงขายเพิ่มขึ้นในตลาด

ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่บิตคอยน์เท่านั้น สินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำอื่นๆ อย่างอีเธอเรียม, โซลานา และริปเปิล ต่างก็ถูกฉุดลงพร้อมกัน โดยมีความเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคา *บิตคอยน์* ยังคงเป็นตัวสะท้อน ‘ความเสี่ยงเชิงระบบ’ ของตลาดคริปโตโดยรวม

แม้สภาวะตลาดจะอยู่ในจังหวะปรับฐาน แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญยังคงจับตาปัจจัยสำคัญที่อาจหนุนราคาคริปโตในระยะถัดไป หนึ่งในนั้นคือความเป็นไปได้ของ ‘ทุนไหลออกจากจีน’ หากธนาคารกลางจีนเปิดทางให้เงินหยวนอ่อนค่ามากขึ้น ความกังวลเรื่องการรักษามูลค่าเงินอาจทำให้นักลงทุนชาวจีนหันมาสะสมคริปโตเพิ่มขึ้น โดยอาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิตเม็กซ์(BitMEX) แสดงความเห็นว่า “หากเงินหยวนอ่อนค่าลงจริง เราจะเห็นการไหลออกของทุนเข้าสู่สินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น บิตคอยน์ และนี่อาจเป็นจุดเร่งให้ราคาพุ่งอีกครั้ง”

*ความคิดเห็น* ว่าการลดลงครั้งนี้อาจเป็นเพียงแรงกระแทกชั่วคราวยิ่งทวีความชัดเจน เมื่อพิจารณาปัจจัยโครงสร้างในระดับโลก โดยเฉพาะสถานการณ์ในจีนที่แม้มีข้อจำกัดด้านการซื้อขายคริปโตในประเทศ แต่ยังคงมีช่องทางการลงทุนทางอ้อมผ่านฮ่องกง รวมถึงการใช้งาน VPN ทำให้โอกาสที่ *เงินทุนไหลเข้าตลาดคริปโต* ยังไม่ถูกตัดขาด

ในภาพรวม นโยบายการปกป้องการค้าของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดการเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ นำมาซึ่งการจัดพอร์ตการลงทุนใหม่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดค่าของหยวนอย่างต่อเนื่อง อาจเสริมภาพลักษณ์ของบิตคอยน์ในฐานะ ‘สินทรัพย์ปลอดภัยทางเลือกระดับโลก’ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ทิศทางของตลาดคริปโตนับจากนี้อาจขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลทรัมป์จะเดินหน้าใช้นโยบายกีดกันทางการค้าอย่างสุดโต่งถึงระดับใดในช่วงที่เหลือของปี