เงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด แต่นักลงทุนขายทำกำไรฉุดบิตคอยน์(BTC) ร่วงกว่า 1,000 ดอลลาร์

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในเดือนมีนาคมกลายเป็นข่าวใหญ่ในตลาดการเงิน โดยเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ของเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นเพียง 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 2.5% เช่นเดียวกับ ‘CPI พื้นฐาน’ ที่ไม่รวมอาหารและพลังงานซึ่งเพิ่มขึ้น 2.8% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.0% ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์(BTC) กลับปรับตัวลดลงในระยะสั้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

แม้มาตรวัดเงินเฟ้อจะอ่อนตัวลง ซึ่งโดยทั่วไปควรกระตุ้นความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และส่งผลเชิงบวกต่อคริปโตเคอร์เรนซี แต่บิตคอยน์กลับร่วงจาก 82,500 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 81,500 ดอลลาร์ทันทีหลังตัวเลขถูกประกาศ สะท้อนถึง ‘แรงขายทำกำไร’ หลังข่าวร้ายทางเศรษฐกิจถูกคลี่คลาย ความคิดเห็น นักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่เป็นสัญญาณว่าตลาดได้ตอบสนองต่อความหวังที่มากเกินไปแทนความเป็นจริงในนโยบายการเงินของเฟด

ข้อมูลเงินเฟ้อรอบนี้ยังเชื่อมโยงกับแนวนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ประกาศยกเว้นภาษีศุลกากรบางส่วนเป็นเวลา 90 วัน ส่งสัญญาณต้องการบรรเทาแรงกดดันจากเงินเฟ้อ รวมทั้งแสดงจุดยืนพร้อมใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจ ขณะเดียวกัน เฟดยังคงแสดงท่าทีระมัดระวัง โดยคงอัตราดอกเบี้ยในสองการประชุมล่าสุด สะท้อนความกังวลต่อแรงกดดันด้านราคาแม้เงินเฟ้อจะเริ่มอยู่ในเกณฑ์ควบคุม

ด้านบริษัทวิเคราะห์การเงินจากสหรัฐ HMC ให้ความเห็นว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลงอาจเพิ่มความหวังต่อจุดสิ้นสุดของมาตรการเข้มงวดในช่วงที่ผ่านมา แต่การลดดอกเบี้ยจริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสัญญาณเงินเฟ้อยังคงลดลงในระดับที่ชัดเจนต่อเนื่อง พวกเขาระบุว่า “แม้ความคาดหวังต่อการสิ้นสุดของนโยบายตึงเครียดจะสูงขึ้น แต่เฟดยังต้องการเห็นข้อมูลสนับสนุนมากกว่านี้ก่อนจะตัดสินใจลดดอกเบี้ย”

ราคาคริปโตที่เหวี่ยงรุนแรงนับตั้งแต่วันก่อนหน้านั้น แสดงให้เห็นว่าตลาดในตอนนี้ ‘เคลื่อนไหวตามความคาดหวังมากกว่าข้อเท็จจริง’ โดยเฉพาะเมื่อบิตคอยน์ปรับขึ้นกว่า 6,000 ดอลลาร์ในวันเดียวก่อนการประกาศ CPI แล้วถูกรุมขายในทันทีหลังตัวเลขออกมา ความเห็น นักวิเคราะห์เชื่อว่าสิ่งนี้ตอกย้ำว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงอ่อนไหวต่อปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคอยู่มาก และราคายังถูกผลักดันด้วยอารมณ์และแนวโน้มความคาดหวังในระยะสั้นมากกว่าพื้นฐานระยะยาว