บิตคอยน์(BTC) พุ่ง 6.79% ในสัปดาห์เดียว หลังนักลงทุนแห่ซื้อท่ามกลางนโยบายภาษีสหรัฐฯ ผ่อนคลาย

บิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่ต้นปี โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาพุ่งขึ้นถึง 6.79% สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน ขณะเดียวกันผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งระยะ 2 ปี และ 10 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.88% และ 4.40% ตามลำดับ พบว่าปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อทิศทางนี้คือการผ่อนปรนมาตรการภาษีชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น ทรัมป์ได้ออกมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าสำคัญอย่าง *สมาร์ตโฟน*, *ชิปเซต*, และ *คอมพิวเตอร์* เป็นการชั่วคราว เพื่อให้ภาคการผลิตภายในประเทศมีเวลาในการตั้งตัว อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ย้ำว่านี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของ *สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ* ที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง

ด้วยผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ความน่าสนใจในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่จึงลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้เงินทุนของนักลงทุนบางส่วนไหลเข้าสู่ *สินทรัพย์ทางเลือก* อย่าง *บิตคอยน์* มากขึ้น โดยราคาของบิตคอยน์ทะยานจาก 74,500 ดอลลาร์ขึ้นไปแตะถึง 86,100 ดอลลาร์ภายในสัปดาห์เดียว แสดงถึงการดีดตัวในเชิงเทคนิคอย่างชัดเจน

แม้บิตคอยน์จะเริ่มแสดงแรงดีดตัว แต่แนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางถึงยาวยังต้องจับตา โดยเมื่อวันที่ 24 รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ของสหรัฐฯ เผยว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 2.4% ลดลงจาก 2.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2023 ทำให้คุณสมบัติของบิตคอยน์ในฐานะ *สินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ* อาจได้รับผลกระทบบางส่วน และเป็นปัจจัยที่ฉุดแรงซื้อในระยะสั้น

ด้านบริษัทวิจัย *Material Indicators* ระบุว่า บิตคอยน์ยังคงรักษาฐานราคาเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์ และจุดเริ่มต้นของไตรมาสที่แนว 82,500 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ช่วง 88,000–92,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นรอยต่อของเส้นเทรนด์ไลน์และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน

ขณะเดียวกัน ผู้ก่อตั้ง Alphractal อย่าง *จูอาว เวดสัน(Joao Wedson)* แสดงมุมมองในเชิงบวก โดยชี้ให้เห็นว่า *ช่องว่างราคา (Price Gap)* ระหว่าง Futures แบบไม่มีกำหนดและราคา Spot ในตลาดไบแนนซ์มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปลายปี 2024 ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อแนวโน้มปรับฐาน หาก Gap พลิกกลับเป็นบวก อาจเป็นสัญญาณว่ามีกระแสเงินทุนใหม่เข้าซื้อเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม เวดสันก็เตือนว่าในช่วงตลาดขาลงปี 2022–2023 ปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วโดยไม่ส่งผลให้เกิดการกลับทิศทันที ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังแนะนำว่าการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลควรรอบคอบ โดยพิจารณาทั้งปัจจัยทางเทคนิคและเศรษฐกิจมหภาคควบคู่กันไป