ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ยืนยันความเชื่อมั่นใน *บิตคอยน์(BTC)* อีกครั้ง หลังบริษัทดิจิทัลแอสเซตของเขาอย่าง *สแตรทีจี(Strategy)* เข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 3,459 หน่วย ส่งผลให้การลงทุนรวมในคริปโตนี้ขยายตัวมากกว่าที่เคยเป็นมา
เมื่อวันที่ 14 เซย์เลอร์โพสต์บน X (เดิมคือ Twitter) ว่าการซื้อบิตคอยน์ครั้งล่าสุดมีมูลค่ารวม 285.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,167 พันล้านวอน โดยมี *ราคาเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ 82,618 ดอลลาร์* ส่งผลให้ยอดถือครองบิตคอยน์รวมของสแตรทีจีพุ่งสู่ระดับ 531,644 BTC คิดเป็นมูลค่าลงทุนสะสมกว่า *35.92 พันล้านดอลลาร์* หรือประมาณ 52.4 ล้านล้านวอน โดยราคาต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญยังอยู่ที่ 67,556 ดอลลาร์ ซึ่งหากเทียบกับราคาตลาดในช่วงต้นปี 2025 เป็นต้นมา บริษัททำกำไรได้แล้วกว่า 11.4%
น่าสนใจคือ การซื้อในครั้งนี้เกิดขึ้นไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากการซื้อครั้งก่อนเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่บริษัทใช้เงินถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.77 ล้านล้านวอน) เพื่อซื้อบิตคอยน์ชุดใหญ่ การเข้าซื้อซ้ำแสดงให้เห็นถึง *ความมั่นใจอย่างแรงกล้าในแนวโน้มการเติบโตของคริปโตตลาดนี้*
ข้อมูลจาก SaylorTracker ระบุว่า สแตรทีจีมี *กำไรที่ยังไม่ถูกขาย (Unrealized Gain)* มากถึง 9.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 13.28 ล้านล้านวอน คิดเป็นผลตอบแทนที่ 25% จากมูลค่าการซื้อทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็น *ตัวเลขที่สะท้อนมุมมองระยะยาวของนักลงทุนรายนี้* ได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่สะดุดตาคือ การตัดสินใจซื้อครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน จากการที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* พูดถึงการปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าใหม่ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศตลาดการลงทุนทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 9 ทรัมป์ประกาศพักการจัดเก็บภาษีไว้เป็นเวลา 90 วัน พร้อมลดภาษีนำเข้าในประเทศส่วนใหญ่กลับสู่ระดับ 10% แต่ *ยังคงเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 145% สำหรับสินค้าจากจีน* ทำให้ตลาดคริปโตและตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญแรงกดดัน
อย่างไรก็ตาม *กลยุทธ์การซื้อบิตคอยน์ของเซย์เลอร์กลับยิ่งรุกคืบและดุดันขึ้น* ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน นักวิเคราะห์มองว่า กลยุทธ์ของเขาที่ให้ความสำคัญกับบิตคอยน์ในฐานะ *‘ทองคำดิจิทัล’* ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสะสมทรัพย์สินในระยะยาว และยังสะท้อนถึง *ความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ในคริปโตเคอร์เรนซี* ในนามของสินทรัพย์ถาวรท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก
ความคิดเห็น 0