อีเธอเรียม(ETH) เตรียมเปิดตัวอัปเกรดใหญ่ "เพคทรา" (Pectra) ในเดือนมีนาคมนี้ โดยการอัปเกรดครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย อาทิ การเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลของโซลูชั่นเลเยอร์ 2 (Layer 2) ให้สูงขึ้นเป็นสองเท่าและลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงครั้งสำคัญที่จะช่วยยกระดับการใช้งานเครือข่ายอีเธอเรียมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
วิทาลิก บูเทริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายอีเธอเรียม ได้ออกมาแบ่งปันรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ผ่านโซเชียลมีเดียของเขา โดยเน้นย้ำถึงแนวทางการพัฒนาในด้านความสามารถในการขยายระบบและการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานในเครือข่าย
หนึ่งในหัวใจหลักของการอัปเกรดเพคทราคือการเพิ่มหน่วยเก็บข้อมูลชั่วคราวที่เรียกว่า "บลอบ" (Blob) จากเดิม 3 หน่วยเป็น 6 หน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมเพิ่มขึ้นสองเท่า ช่วยลดความหนาแน่นในเครือข่าย และลดภาระค่าธรรมเนียมลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการใช้งานแอปพลิเคชันการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) รวมถึงเกมและบริการอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่บนแพลตฟอร์มอีเธอเรียม
นอกจากนี้ บูเทรินยังเสนอแนวทางใหม่สำหรับกระบวนการอัปเกรดเครือข่าย โดยเลี่ยงการใช้วิธีฮาร์ดฟอร์กแบบดั้งเดิม เขาเสนอให้ผู้เข้าร่วมสเตคอีเธอเรียมสามารถลงคะแนนเสียงในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของความจุ "บลอบ" ได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้เครือข่ายสามารถตอบสนองต่อการพัฒนาเทคโนโลยีได้รวดเร็วขึ้น และยังสอดคล้องกับแนวคิดการกระจายศูนย์ พร้อมเพิ่มบทบาทให้กับผู้ตรวจสอบในการกำหนดอนาคตของเครือข่ายไปพร้อมกัน
ในส่วนของตลาด การประกาศเกี่ยวกับการอัปเกรดครั้งนี้ได้ส่งผลให้อีเธอเรียมมีราคาพุ่งขึ้นตามไปด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมา ราคาของ ETH เพิ่มขึ้นกว่า 10% ภายในวันเดียว สร้างสถิติใหม่ที่ 2,711 ดอลลาร์ หรือประมาณ 393,000 บาท แม้จะมีข่าวเกี่ยวกับนโยบายภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ที่สัมพันธ์กับตลาดก็ตาม ซึ่งเป็นปัจจัยรองที่ถูกวิเคราะห์ว่าอาจมีส่วนร่วมในกระแสดังกล่าว อีกทั้ง เมนชั่นของอีริค ทรัมป์ที่แนะนำถึงจังหวะเหมาะสมในการซื้อมักจะทำให้ตลาดจับตามองมากขึ้น
ภายในชุมชนอีเธอเรียมเองยังมีการอภิปรายเกี่ยวกับการปรับปรุงด้านอื่น ๆ อาทิ การปรับเพดานค่าก๊าซเพิ่มเติม โดยการอัปเกรดเพคทราค็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภายในบรรยากาศของการพัฒนาดังกล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคตของอีเธอเรียมและระบบนิเวศโดยรวม
ความคิดเห็น 0