คีร์กีซสถานเดินหน้าสู่ 'ดิจิทัลซอม' ตั้งเป้าเปิดใช้อย่างเป็นทางการภายในปี 2026

คีร์กีซสถานเริ่มเดินหน้าสู่การเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) อย่างจริงจัง หลังประธานาธิบดีซาดีร์ จาปารอฟ อนุมัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับการดำเนินงานของ ‘ดิจิทัลซอม’ และมอบสถานะให้เป็น *เงินที่ถูกกฎหมาย* ของประเทศ

เมื่อวันที่ 17 ตามเวลาท้องถิ่น สำนักงานประธานาธิบดีคีร์กีซสถานเปิดเผยว่า การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้เปิดทางให้ธนาคารกลางแห่งคีร์กีซสถานมี ‘สิทธิเฉพาะ’ ในการออกและบริหารจัดการ *ดิจิทัลซอม* โดยจะควบคุมแพลตฟอร์มการดำเนินงานทั้งหมดด้วยตนเอง โดยดิจิทัลซอมถือเป็นเวอร์ชันดิจิทัลของสกุลเงินซอม ซึ่งเป็นสกุลเงินท้องถิ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และในอนาคตจะเริ่มทดลองใช้งานเพื่อพิจารณาความเหมาะสมก่อนตัดสินใจเปิดใช้อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ คาดว่าคำตัดสินสุดท้ายเกี่ยวกับการเปิดใช้อย่างเป็นทางการของดิจิทัลซอมจะมีขึ้นภายในช่วงสิ้นปี 2026 โดยรายงานจากสำนักข่าวท้องถิ่น Trend News ระบุว่า ธนาคารกลางจะเริ่มประเมินด้านความปลอดภัยของเทคโนโลยีเข้ารหัส(lCryptography) และศักยภาพในการสกัดกั้นการปลอมแปลงหรือการใช้งานโดยมิชอบให้ชัดเจนเสียก่อน แพลตฟอร์มของดิจิทัลซอมจะเข้าสู่ช่วงทดลองใช้งานภายในปีนี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐสภาคีร์กีซสถานผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น กรณีการเปิดตัว CBDC ยังถูกวิพากษ์จากกลุ่มสนับสนุนคริปโตบางส่วน เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการเพิ่มการควบคุมของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคีร์กีซสถานมองว่าความกังวลดังกล่าวไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา

จนถึงขณะนี้ มีเพียง 4 ประเทศที่สามารถเปิดตัว CBDC อย่างเป็นทางการ ได้แก่ *บาฮามัส* กับโครงการแซนด์ดอลลาร์, *ไนจีเรีย* กับ e-ไนรา, *ซิมบับเว* กับ ZiG และ *จาเมกา* กับ JAM-DEX ส่วนอีกกว่า 90 ประเทศยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยหรือทดลองอยู่เท่านั้น

ในอีกมิติหนึ่ง คีร์กีซสถานยังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี *บล็อกเชน* อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จ้าว ชางเผิง(CZ) ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับสำนักงานการลงทุนต่างประเทศของคีร์กีซสถาน เพื่อให้คำแนะนำด้านนโยบายเกี่ยวกับบล็อกเชนและการกำกับดูแลคริปโต ประธานาธิบดีจาปารอฟกล่าวว่า “นี่คือความก้าวหน้าเชิงสัญลักษณ์ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงของสินทรัพย์เสมือนและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ” พร้อมเสริมว่าเรื่องนี้ “จะเปิดโอกาสใหม่ให้แก่ประเทศ ธุรกิจ และสังคมโดยรวม”