ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะระดับ 94,300 ดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 22% นับตั้งแต่ร่วงลงต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของบิตคอยน์ได้แซงหน้าแอมะซอนขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านดอลลาร์ จุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งนี้มีเบื้องหลังจากความคาดหวังเกี่ยวกับการผ่อนคลายสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าจะ "ลดภาษีนำเข้าในระดับที่สำคัญ" ที่เคยเรียกเก็บจากจีน
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงสุดถึง 145% ส่วนจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 125% จากสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวเชิงบวกด้านนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตเพิ่มสูงขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายออกมาวิเคราะห์แนวโน้มราคาของบิตคอยน์ โดยคาส อาเบ(Cas Aber) ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า "ขณะนี้ตลาดยังอยู่ในช่วง 'ศรัทธา' และยังไม่เข้าสู่ระยะ 'ตื่นเต้น' หรือ 'คลั่งไคล้'" พร้อมคาดการณ์ว่าราคา 109,000 ดอลลาร์ยังไม่ใช่จุดสูงสุด และคาดว่าในไตรมาส 4 ปี 2025 หรือไตรมาสแรกของปี 2026 ราคาอาจพุ่งทะลุ 180,000 ดอลลาร์ได้
ด้านแคปเทน ไพวิก(Captain Faibik) ชี้ว่า "รูปแบบลิ่มขาลง (falling wedge) ถูกยกเลิก" พร้อมประเมินว่าราคาบิตคอยน์อาจทะลุ 112,000 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันยังกล่าวถึงนักลงทุนที่ “ขาดความมั่นใจอย่างน่าเสียดาย” เมื่อต้นเดือนตอนราคาตกลงสู่ 75,000 ดอลลาร์ ซึ่งตอนนี้อาจกำลังเข้าสู่ภาวะ FOMO (ความกลัวที่จะพลาดโอกาส)
นักวิเคราะห์จากคริปโต WZRD ระบุว่า หากบิตคอยน์สามารถยืนเหนือแนวต้าน 91,500 ดอลลาร์ได้นานกว่าหนึ่งวัน จะถือเป็นการ ‘ทะลุแนวต้านอย่างสมบูรณ์’ ซึ่งอาจนำไปสู่ระดับ 100,000 ดอลลาร์หรือสูงกว่านั้น
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ยังสนับสนุนสัญญาณขาขึ้น โดยมีกระแสเงินไหลออกมากกว่าการไหลเข้าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง *บ่งชี้ว่านักลงทุนเลือกเก็บเหรียญไว้ด้วยตนเองมากขึ้น* และทำให้แรงขายในตลาดลดลง
อีกจุดที่น่าจับตามองคือเงินไหลเข้าสู่กองทุน ETF แบบสปอตของบิตคอยน์ ซึ่งเมื่อวันที่ 22 เมษายน มียอดสุทธิสูงถึง 930 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นยอดรายวันสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ความเคลื่อนไหวนี้ *สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความต้องการจากนักลงทุนสถาบัน* ที่อาจเป็นแรงผลักดันให้ราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นในระยะต่อไป.
ความคิดเห็น 0