ดัชนีความโลภในตลาดคริปโตแตะ 72 จุดหลังบิตคอยน์(BTC)ทะลุ 90,000 ดอลลาร์ ก่อนร่วงเหลือ 60 จุดใน 2 วัน

บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นทะลุระดับ 90,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ผลักดัน ‘ดัชนีความกลัวและความโลภในตลาดคริปโต’ ให้แตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือน อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นนั้นกลับเริ่มอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว สร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญที่ตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของขาขึ้น และมองว่าตลาดกำลังเข้าสู่ ‘โหมดระวังภัย’

ตามรายงานเมื่อวันที่ 23 ดัชนีความกลัวและความโลภ (Crypto Fear & Greed Index) อยู่ที่ระดับ 72 จากคะแนนเต็ม 100 ซึ่งอยู่ในช่วง ‘โลภ (Greed)’ โดยสะท้อนถึงมุมมองในเชิงบวกของนักลงทุนหลังราคาบิตคอยน์ฟื้นตัวกลับขึ้นมาเหนือระดับ 90,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.31 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม เพียงแค่สองวันต่อมา ในวันที่ 25 ตัวเลขดัชนีลดลงเหลือ 60 จุด ขณะที่ราคายังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม สะท้อนพฤติกรรม ‘ถอยห่าง’ ของนักลงทุนที่เริ่มระมัดระวังมากขึ้น

สำหรับครั้งล่าสุดที่ดัชนีแตะระดับ 70 จุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศนโยบายภาษีนำเข้ารอบใหม่ในตลาด ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ในขณะนั้นร่วงลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 ล้านบาท) หลังจากนั้น ราคาเคลื่อนไหวผันผวน ก่อนจะกลับมายืนเหนือระดับ 90,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้งในวันที่ 6 มีนาคม แต่บรรยากาศในตลาดยังคงเต็มไปด้วย ‘ความระแวดระวัง’

ในปัจจุบัน บิตคอยน์ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดคริปโต โดยมีสัดส่วนมูลค่าตลาดมากกว่า 64% ขณะที่เงินลงทุนยังไหลเข้าสู่กองทุน ETF อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสัญญาณบวกจากฝั่งบิตคอยน์ แต่ฝั่งอัลต์คอยน์กลับยังไม่เติบโตตาม ทำให้หลายฝ่ายยังไม่มองว่านี่คือจุดเริ่มต้นของ ‘ฤดูอัลต์คอยน์’

นักวิเคราะห์ตลาดหลายรายเตือนว่า หากบิตคอยน์ต้องการรักษาแนวโน้มขาขึ้นในระยะต่อไป จะต้องเกิด *การกระจายความสนใจและเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นในตลาด* ไม่เช่นนั้นอาจเผชิญภาวะปรับฐานจากความยืดเยื้อของการพึ่งพาเหรียญเดียวมากเกินไป *ความคิดเห็น* จึงระบุว่าการอ้างอิงบิตคอยน์เพียงอย่างเดียวอาจเป็น ‘จุดอ่อน’ ที่ตลาดคริปโตกำลังมองข้าม