อีเธอเรียม(ETH) เร่งแก้ปัญหาขยายตัว เปิดตัว 'เลเยอร์ซีโร่' หวังลดพึ่งพาเลเยอร์ 2

ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอีเธอเรียม(ETH) ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น ท่ามกลางปัญหาด้าน 'การขยายตัว' ของเครือข่าย และการพึ่งพา 'โซลูชันเลเยอร์ 2' อย่างต่อเนื่อง การย้ายผู้ใช้งานไปยังแพลตฟอร์มเลเยอร์ 2 เช่น อาร์บิทรัม(Arbitrum) และออปติมิซึม(Optimism) ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของอีเธอเรียมในการรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อไม่นานมานี้ ชาร์ล ฮอสกินสัน(Charles Hoskinson) ผู้ก่อตั้งคาร์ดาโน(Cardano) คาดการณ์ว่า "อีเธอเรียมจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า โซลูชันเลเยอร์ 2 จะดูดซับมูลค่าทั้งหมดไป และผู้ใช้จะย้ายไปยังที่อื่น สุดท้ายอีเธอเรียมจะถูกบิตคอยน์(BTC) กลืนกิน" ความคิดเห็นเช่นนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการคริปโต

อย่างไรก็ตาม วิตาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม ออกมาตอบโต้ ด้วยการเปิดตัวข้อเสนอการอัปเกรดใหม่ในชื่อ "เลเยอร์ซีโร่" (Layer Zero) ซึ่งมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลง 'อีเธอเรียมเวอร์ชวลแมชีน' (EVM) ให้เป็นระบบ 'zkVM' ที่ใช้มาตรฐาน RISC-V เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยยะสำคัญ

เลเยอร์ซีโร่อัปเกรดครั้งนี้ให้คำมั่นว่า จะใช้ไซเคิลการประมวลผลน้อยกว่า EVM ปัจจุบันถึง *832 เท่า* และลดไซเคิลการตรวจสอบลงถึง *95.7%* โดยมีการเสริม 'GPU acceleration' เพื่อเพิ่มอัตราการประมวลผลถึง *30 เท่า* ยิ่งไปกว่านั้น การบีบอัดข้อมูลการตรวจสอบจะช่วยลดขนาดข้อมูลจาก *346MB เหลือเพียง 1.5MB* ซึ่งคาดว่าจะทำให้ระบบของอีเธอเรียม 'เบาและเร็วขึ้น' อย่างมาก

ด้วยการอัปเกรดนี้ อีเธอเรียมหวังจะแก้ปัญหา 'ขีดจำกัดการขยายตัว' อย่างเป็นรูปธรรม ลดการพึ่งพาเลเยอร์ 2 และปรับปรุงเลเยอร์พื้นฐานโดยตรง เพื่อแข่งขันได้กับเทคโนโลยีบล็อกเชนสมัยใหม่ รวมถึงช่วยลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมให้ต่ำลง ‘คำ’ ด้วย

แม้ว่าปัจจุบันเลเยอร์ซีโร่จะยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอแนวทาง แต่ก็ได้รับความคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดระยะยาวของอีเธอเรียม และสามารถคลายความกังวลที่นักวิจารณ์อย่าง ฮอสกินสัน ได้หยิบยกขึ้นมาได้ในอนาคต ‘ความคิดเห็น’