บิตคอยน์(BTC) ทะลุ 96,500 ดอลลาร์ หนุนโดยแรงซื้อวาฬ-สภาพคล่องตลาดโลก

บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุระดับ 96,500 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนเมษายน หลังจากอยู่ที่ราว 74,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือน โดยปรับตัวขึ้นกว่า 25% ภายในระยะเวลาเพียงสามสัปดาห์ สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นที่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

การฟื้นตัวของบิตคอยน์ในรอบนี้ มีปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ‘ความผันผวนที่ลดลง’ ปริมาณบิตคอยน์ในกระดานแลกเปลี่ยนที่ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการสะสมเหรียญเพิ่มขึ้นแบบ ‘ออนเชน’

โรเบิร์ต บรีดเลิฟ นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง เชื่อว่าปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์การขุดพ่วงกับพฤติกรรมนักลงทุนระยะยาว และกระแสสภาพคล่องระดับมหภาคทั่วโลก อาจผลักดันให้บิตคอยน์เข้าสู่รอบขาขึ้นขนาดใหญ่ในอนาคตอันใกล้

บรีดเลิฟโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X อ้างอิงข้อมูลจาก Blockware ว่า ‘ต้นทุนเฉลี่ยของนักขุด’ ซึ่งเคยมาตรงกับจุดต่ำสุดของวัฏจักรตลาดในช่วงก่อนหน้าอีกหลายครั้ง กำลังส่งสัญญาณถึงระดับ ‘จุดเปลี่ยนใหญ่’ อีกครั้ง

แม้จะมีความผันผวนในตลาด แต่แนวโน้มสำคัญคือกลุ่ม ‘ผู้ถือครองระยะยาว’ ยังคงปฏิเสธที่จะขายบิตคอยน์ บ่งชี้ถึง ‘ความเชื่อมั่น’ ที่มั่นคง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา กลุ่มนี้ซื้อเพิ่มอีกกว่า 150,000 BTC ซึ่งอาจนำไปสู่ ‘ช็อกด้านอุปทาน’ ตามมาด้วยแรงดันราคาขาขึ้น

ข้อมูลออนเชนยังเผยว่า เหล่าวาฬสะสมบิตคอยน์มูลค่ากว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ภายในครึ่งหลังของเดือนเมษายน ซึ่งเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการไหลเข้า ETF บิตคอยน์แบบสปอตอย่างต่อเนื่องระหว่างวันที่ 17 - 30 เมษายน

แหล่งสำรองบิตคอยน์ในกระดานแลกเปลี่ยนลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่บรีดเลิฟชี้ว่า “บริเวณราคา 80,000 – 100,000 ดอลลาร์เริ่มไร้แรงขายแล้ว”

‘สภาพแวดล้อมมหภาค’ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน โดยบรีดเลิฟเน้นว่าบิตคอยน์มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับ ‘สภาพคล่องของดอลลาร์สหรัฐ’ และสกุลเงินหลักของโลก ซึ่งเป็นมุมมองที่อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) อดีตซีอีโอของบิทเม็กซ์ ก็เคยแสดงไว้หลายครั้ง

แนวโน้ม ‘คิวอี’ ของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงแนวโน้มสภาพคล่องที่ขยายตัว ยังเอื้อต่อการไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโต ซึ่งจะถูกผลักดันเพิ่มเติมโดยผลิตภัณฑ์อย่าง ETF, การดูแลสินทรัพย์ของสถาบัน และเครื่องมือทางการเงินแบบใช้บิตคอยน์เป็นหลักประกัน

บรีดเลิฟสรุปว่า “ETF, บริษัทด้านการเงินที่ถือครองบิตคอยน์ และหุ้นกู้แปลงสภาพ ช่วยเปิดทางให้สภาพคล่องใหม่ไหลเข้าสู่ตลาดบิตคอยน์ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น”