ความต้องการลงทุนในบิตคอยน์(BTC)จากสถาบันการเงินยังคงเร่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้โอกาสในการถือครองของนักลงทุนรายย่อยเริ่มลดน้อยลง โดย เซอร์เกย์ คุนซ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง 1inch แพลตฟอร์มรวมการซื้อขายคริปโต ได้กล่าวระหว่างเข้าร่วมงาน Longitude ของ Cointelegraph ที่จัดขึ้นในดูไบเมื่อไม่นานนี้ว่า บิตคอยน์กำลังเปลี่ยนสถานะสู่ *‘สินทรัพย์สำรองรูปแบบใหม่’* ซึ่งทำให้ราคาสูงขึ้นและการเข้าถึงยากขึ้นกว่าเดิม
คุนซ์ เตือนว่า “นักลงทุนรายย่อยทุกคนควรพยายามถือครอง *อย่างน้อย 1 บิตคอยน์* ไว้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นอาจไม่มีโอกาสอีกในอนาคตอันใกล้” เขายังมองว่า หากสหรัฐฯ เริ่มเข้าซื้อบิตคอยน์ในเชิงยุทธศาสตร์ ก็อาจทำให้ประเทศเล็ก ๆ เข้าไม่ถึงสินทรัพย์นี้เลย พร้อมเสริมว่า “การแข่งขันระหว่างประเทศเพื่อถือครองบิตคอยน์กำลังจะเริ่ม และ *สหรัฐฯ จะเป็นผู้เริ่มต้นการแข่งขันนี้*”
ท่ามกลางฉากเศรษฐกิจโลกที่แปรปรวน ความต้องการบิตคอยน์ในสหรัฐฯ ก็ทวีความรุนแรงหลังจากทรัมป์ออกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าแบบกว้างขวางเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศได้นำไปสู่ความไม่แน่นอนในตลาดการเงินดั้งเดิม ส่งผลให้ *บิตคอยน์กลับมาโดดเด่นในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง*
ด้าน ยาต ซิว ผู้ร่วมก่อตั้ง อะนิโมคาบรานด์ส(Animoca Brands) ก็สนับสนุนแนวโน้มนี้ โดยระบุว่า “บิตคอยน์ยังคงเป็นทางเลือกเดียวที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ด้วยแรงซื้อจากสถาบันและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น นักวิเคราะห์จึงเตือนว่า *โอกาสของรายย่อยในการซื้อบิตคอยน์อาจมีจำกัดเพียงในตอนนี้* พร้อมแนะนำให้นักลงทุนใช้มุมมองระยะยาวเป็นแนวทางการตัดสินใจ
**ความคิดเห็น**: การแปลงบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองของชาติอาจเป็นหมากใหม่ในนโยบายการเงินระหว่างประเทศ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจโลกในอนาคต
ความคิดเห็น 0