บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งทะลุระดับ *150,000 ดอลลาร์* ภายในเดือนสิงหาคมหรือกันยายน หากสามารถทะลุแนวโน้มขาขึ้นในรูปแบบ *โค้งพาราโบลา* ได้ตามที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ไว้
เมื่อวันที่ 1 ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับ *96,700 ดอลลาร์* ซึ่งกลายเป็นจุดสูงสุดรายไตรมาสในปีนี้ โดยการเร่งตัวของราคานี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ตัวเลข GDP ของสหรัฐในไตรมาสล่าสุดหดตัว *-0.3%* ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 ทำให้ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยกลับมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันความคาดหวังต่อการ *ปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)* ก็เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจากตลาดฟิวเจอร์สบ่งชี้ว่า ในการประชุม FOMC วันที่ 18 มิถุนายน มีโอกาส *62.8%* ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย
แรงกดดันทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้มีการ *ชอร์ตสควีซ* หรือการปิดสถานะขายชอร์ตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่ามากกว่า *137 ล้านดอลลาร์* ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสริมที่ผลักราคาให้ทะยานขึ้น
โจอัง เวดสัน(Joao Wedson) ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มวิเคราะห์คริปโต *Alphractal* ระบุว่า ราคาบิตคอยน์ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง พร้อมมองว่าโครงสร้างตลาดในปัจจุบันสนับสนุนทิศทางบวก เขากล่าวว่า “ทั้งสัญญาณทางเทคนิคและจิตวิทยาตลาดกำลังสร้างรูปแบบ *โค้งพาราโบลา* อย่างชัดเจน และหากสามารถทะลุแนวต้านด้านบนได้ ก็มีโอกาสที่บิตคอยน์จะพุ่งถึง 150,000 ดอลลาร์”
ปรากฏการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงการปรับขึ้นของราคา แต่ยังสะท้อน *มุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่อทิศทางนโยบายการเงินของเฟด* โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงสัญญาณเศรษฐกิจที่อ่อนตัวและ *ท่าทีผ่อนคลายด้านอัตราดอกเบี้ยของทรัมป์* ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดคริปโต
*แนวโน้มในระยะสั้น* จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ท่าทีของเฟด และความเคลื่อนไหวด้านนโยบายจากภาครัฐ หากบิตคอยน์สามารถรักษาแนวโน้มพาราโบลาไว้ได้และทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาที่ *100,000 ดอลลาร์* โมเมนตัมจากฝั่งขาขึ้นอาจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ความเห็นของหลายฝ่ายจึงเริ่มโน้มเอียงไปทางการปรับขึ้นรอบใหม่ในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0