เทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังขยายขอบเขตอย่างรวดเร็วจากสกุลเงินดิจิทัลและโทเคนที่ไม่สามารถทดแทนได้(NFT) ไปสู่การใช้งานด้านการยืนยันตัวตนดิจิทัล การสื่อสาร รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในการสร้าง ‘ความน่าเชื่อถือ’ ในยุคของปัญญาประดิษฐ์ กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ภาคส่วนต่าง ๆ หันมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในระดับระบบ
ก่อนงาน *Token2049* ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นที่ดูไบช่วงเดือนเมษายน Cointelegraph ได้สัมภาษณ์ สจวร์ต การ์ดเนอร์(Stuart Gardner) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ *สเปซคอยน์(Spacecoin)*, ผู้ก่อตั้ง โอ แตะ(Tae Oh) และ เทอร์เรนซ์ ควอก(Terrence Kwok) ผู้ก่อตั้ง *ฮิวแมนิตีโปรโตคอล(Humanity Protocol)* เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้บล็อกเชนในภาคอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน
แต่ละโครงการที่ให้สัมภาษณ์ต่างก็นำบล็อกเชนไปใช้ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะทางของอุตสาหกรรมตนเอง *สเปซคอยน์* มุ่งเน้นไปที่การสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ห่างไกลให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึง ถือเป็นแนวทางของ ‘การสร้างประชาธิปไตยด้านโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสาร’ ขณะที่ *ฮิวแมนิตีโปรโตคอล* พัฒนาการตรวจสอบตัวตนดิจิทัลด้วยบล็อกเชน เพื่อรับมือกับปัญหาการปลอมแปลงตัวตนที่เกิดจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI
เทอร์เรนซ์ ควอก กล่าวว่า “ในยุคที่ AI มีความก้าวหน้าอย่างมาก ความสามารถในการระบุว่าใครคือมนุษย์จริง ๆ เริ่มเป็นสิ่งจำเป็น และบล็อกเชนคือเครื่องมือที่รับรอง ‘ความน่าเชื่อถือ’ ได้ ด้วยคุณสมบัติของบัญชีสาธารณะที่ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลัง”
ขณะเดียวกัน โอ แตะ ก็ชี้ว่า “ยังมีผู้คนอีกหลายพันล้านคนทั่วโลกที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียรได้ เราจึงพัฒนาระบบจูงใจด้วยบล็อกเชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมจากเครือข่ายโดยสมัครใจ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้”
ในขณะที่วงการคริปโตยังคงจับตามองจุดยืนที่เป็นมิตรต่อคริปโตของ *ทรัมป์* อย่างใกล้ชิด ความพยายามในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้ในอุตสาหกรรมจริงเช่นนี้ ก็กำลังเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง งาน Token2049 จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะรวบรวมกรณีศึกษาจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนและผลักดันพัฒนาการของระบบนิเวศบล็อกเชนในระดับสากลต่อไป
ความคิดเห็น 0