สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ตัดสินใจขยายกำหนดเวลาตอบสนองต่อคดีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโต พร้อมทั้งเดินหน้าปรับกลยุทธ์โดยใช้ ‘หน่วยงานคริปโตเฉพาะกิจ’ ซึ่งในการดำเนินการครั้งนี้ SEC และไบแนนซ์ ได้ร่วมกันยื่นคำร้องขอระงับกระบวนการฟ้องร้องเป็นเวลา 60 วัน นอกจากนี้ ยังมีมุมมองว่าโอกาสที่กองทุน ETF ของไลต์คอยน์(LTC) จะได้รับการอนุมัติอยู่ที่ 90%
จากเอกสารที่ยื่นต่อศาลแขวงสหรัฐประจำรัฐอิลลินอยส์ตอนเหนือเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ SEC ระบุว่า เนื่องจากต้องพิจารณาผลกระทบที่หน่วยคริปโตเฉพาะกิจจะมีต่อกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย จึงได้ร้องขอเลื่อนกำหนดเวลาตอบสนองต่อคดีความกับ Cumberland DRW บริษัทที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง(liquidity provider) จากเดิมวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ 21 มีนาคม SEC ชี้ว่าการขยายเวลาดังกล่าวจะช่วยให้มีเวลาสำหรับเจรจาเพิ่มเติมและสามารถใช้ทรัพยากรทางกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในวันเดียวกัน SEC และไบแนนซ์ได้ยื่นคำร้องร่วมต่อศาลแขวงสหรัฐประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อขอหยุดกระบวนการดำเนินคดีเป็นเวลา 60 วัน นี่ถือเป็นกรณีแรกของการชะลอคดีใหญ่วงการคริปโตภายใต้การบริหารของ มาร์ค อูเยดะ(Mark Uyeda) รักษาการประธาน SEC นักวิเคราะห์มองว่าแนวทางนี้อาจนำไปสู่ความเป็นไปได้ที่บริษัทคริปโตรายใหญ่อื่น ๆ เช่น ริปเปิล(XRP), คอยน์เบส(COIN) และคราเคน จะเลือกใช้กลยุทธ์คล้ายกัน
ขณะเดียวกัน เจมส์ เซย์ฟาร์ต(James Seyffart) และ อีริก บัลชูนะส(Eric Balchunas) นักวิเคราะห์ ETF จากบลูมเบิร์ก คาดการณ์ว่าโอกาสที่กองทุน ETF ของไลต์คอยน์จะได้รับการอนุมัติอยู่ที่ 90% โดยให้เหตุผลว่า SEC มีแนวโน้มจะจัดประเภทให้ไลต์คอยน์เป็น ‘สินค้าโภคภัณฑ์(commodity)’ มากกว่าจะเป็นหลักทรัพย์(security) และขณะนี้เอกสารสำคัญ เช่น S-1 และ 19b-4 ก็ถูกยื่นเสนอเพื่อรอการตรวจสอบแล้ว ด้านแนวโน้มการอนุมัติ ETF ของ XRP, โซลานา(SOL) และโดจคอยน์(DOGE) ถูกประเมินไว้ที่ 65%, 70% และ 75% ตามลำดับ
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าท่าทีของ SEC ในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวทางการกำกับดูแลคริปโต ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางตลาดในอนาคต โดยความเคลื่อนไหวจากทาง SEC และการตอบสนองของบริษัทคริปโตชั้นนำจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองต่อไป
ความคิดเห็น 0