ริปเปิล(XRP) พุ่ง 8% ท่ามกลางข้อสงสัย 'ปั่นราคา' – ตลาดคริปโตเดือด ดันบิตคอยน์(BTC) แตะ 102,880 ดอลลาร์

ตลาดคริปโตยังคงสร้างความประหลาดใจด้วยแนวโน้มขาขึ้น แม้จะเต็มไปด้วยข่าวเรื่อง ‘กฎระเบียบ’ และ ‘ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ’ แต่บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), และริปเปิล(XRP) ต่างพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บางส่วนของนักเทรดกลับไม่สบายใจ โดยชี้ว่าการพุ่งขึ้นล่าสุดอาจเป็นผลจาก ‘การปั่นราคา’

ริปเปิล(XRP) กลายเป็นประเด็นร้อน หลังราคาทะยานขึ้นกว่า 8% แตะระดับ 2.35 ดอลลาร์ ท่ามกลางความคาดหวังเรื่องการบรรลุข้อตกลงกับสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐ(SEC) แต่ก็มีนักเฝ้าตลาดบางรายโต้แย้งว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เป็นธรรมชาติ หลายเทรดเดอร์สังเกตเห็นว่ามี ‘รูปแบบปริมาณซื้อขายแปลกประหลาด’ ซึ่งอาจเกิดจาก ‘บอต’ หรืออัลกอริทึมการซื้อขาย โดยเป็น ‘รูปแบบคลาสสิกของการปั่นราคา’

วินเซนต์ ฟาน โคด(Vincent Van Code) แชร์ความเห็นทาง X(เดิมคือ Twitter) ระบุว่า “แม้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่าง SEC กับริปเปิล แต่ตลาดแห่งนี้ก็ยังถูกควบคุมโดยกลุ่มที่ต้องการสร้างความได้เปรียบ”

แม้ร่างกฎหมาย GENIUS ถูกปัดตก ตลาดคริปโตก็ไม่สะท้าน โดยบิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้น 5.87% สู่ระดับ 102,880.26 ดอลลาร์ ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ทะยานขึ้น 20.39% แตะ 2,170.88 ดอลลาร์ ส่วนเฮเดรา(HBAR) ก็ขยับขึ้น 10.39%

กลุ่มเทรดเดอร์วิเคราะห์ว่า การพุ่งขึ้นของริปเปิลส่วนใหญ่มาจากตลาดที่มี ‘บอท’ และ ‘นักลงทุนรายใหญ่’ ควบคุมการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะในคู่เทรดที่นำโดยไบแนนซ์ ซึ่งเข้ามาดึงสภาพคล่องพร้อมเล่นกับส่วนต่างราคาในแต่ละตลาด

ในโลกออนไลน์ มุมมองที่ว่า ‘ตลาดถูกควบคุม’ กลายเป็นเสียงหลัก หลายคนเชื่อว่าแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และระบบอัตโนมัติ กำลัง ‘ควบคุมทิศทางระยะสั้น’ เหมือนถูกขับเคลื่อนโดยกองทุนเงาที่มีอำนาจสูง

“เกมนี้มีเงินจำนวนมหาศาลอยู่เบื้องหลัง” นักลงทุนรายหนึ่งระบุ “เมื่อพวกเขาพร้อม พวกเขาก็สามารถดันราคาอย่างที่ต้องการ” พร้อมแนะนำว่า “การถือครองสินทรัพย์ที่เราเข้าใจ และลงทุนระยะยาว คือการป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุด”

ในกลุ่มชุมชนคริปโต คำแนะนำในช่วงนี้คือ ‘ให้นิ่งไว้กับกลยุทธ์ระยะยาว’ โดยมองว่าไม่ควรไล่ตามราคาที่ถูกปั่นขึ้น และควรใช้โอกาสจากการย่อตัวเพื่อสะสมเท่านั้น

ในสถานการณ์ที่ ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ และ ‘กฎอุปสงค์-อุปทานดั้งเดิม’ อาจไร้ความหมาย การมีความอดทนสูง พร้อมยึดมั่นในกลยุทธ์ของตัวเอง อาจเป็น ‘กลยุทธ์เดียว’ ที่นักลงทุนรายย่อยเหลืออยู่ในตลาดแห่งนี้