ริปเปิล(XRP) กำลังพัฒนาเกินกว่าการเป็นเพียงเครื่องมือชำระเงินข้ามพรมแดน โดยปัจจุบันได้กลายเป็น *ระบบนิเวศขนาดใหญ่* ที่ครอบคลุมทั้งด้าน *การเงิน*, *การค้า*, *เกม* ไปจนถึง *บริการภาครัฐ* สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกในวงการบล็อกเชนที่เน้นการใช้งานจริงมากขึ้น
เทคโนโลยีเบื้องหลังอย่าง เอ็กซ์อาร์พี เลเจอร์(XRPL) ได้พัฒนาให้สามารถรองรับเครื่องมือดีไฟ (DeFi) เช่น การแลกเปลี่ยนโทเคน, แอปพลิเคชันการให้กู้ยืม รวมถึงการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเคน โดยหนึ่งในจุดเด่นของ XRPL คือ ‘ค่าธรรมเนียมต่ำ’ และ ‘ความเร็วสูง’ เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอย่างอีเธอเรียม(ETH) เอื้อต่อทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้งานทั่วไปในการสร้างและใช้บริการทางการเงินใหม่ๆ ได้ง่ายกว่าเดิม
ภายในระบบของ XRPL ผู้ใช้งานสามารถแปลงทุกอย่างตั้งแต่ *อสังหาริมทรัพย์*, *เหรียญสเตเบิล* ไปจนถึง *ทองคำ* ให้กลายเป็นโทเคนดิจิทัล และซื้อขายกันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือตัวกลาง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถโอนเปลี่ยนเจ้าของสินทรัพย์ได้ทันที
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ *ไมโครเพย์เมนต์* ที่ XRP ช่วยให้เกิดขึ้นจริง ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก แพลตฟอร์มอย่าง Coil จึงสามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้สร้างเนื้อหาในแต่ละครั้งที่มีคนชมวิดีโอ หรืออ่านข้อความของพวกเขา เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่กำลังเริ่มต้นในยุคอินเทอร์เน็ตถัดไป
XRPL ยังนำเสนอความสามารถผ่านระบบ ‘Hooks’ และโซลูชัน ‘EVM Sidechain’ ช่วยให้สามารถสร้างสมาร์ตคอนแทรกต์และเชื่อมต่อกับเครื่องมือของอีเธอเรียมได้อย่างสะดวก ในขณะเดียวกันก็รองรับ NFT และสินทรัพย์ในเกม จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มทางเลือกสำหรับนักสร้างสรรค์และนักพัฒนาเกมที่ต้องการความเร็วและค่าใช้จ่ายต่ำ
ไม่เพียงแค่นั้น หลายประเทศเช่น ภูฏาน และปาเลา ก็กำลังร่วมมือกับริปเปิลในการพัฒนาเงินดิจิทัลแห่งชาติ(Digital Currency) ขณะที่บรรดาธนาคารขนาดใหญ่ต่างเริ่มใช้ XRP สำหรับการโอนเงินข้ามประเทศแบบ ‘เรียลไทม์’ โดยไม่จำเป็นต้องวางเงินล่วงหน้า
*ความคิดเห็น* XRP ในวันนี้ไม่ใช่แค่การโอนเงินจากจุด A ไปจุด B อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นเครือข่ายสำหรับการ *ย้ายมูลค่า* ระหว่างพรมแดน, เชน และอุตสาหกรรมต่างๆ โดยอาศัย อินเตอร์เลเจอร์โปรโตคอล(ILP) ที่เชื่อมโยง XRPL กับทั้งระบบบล็อกเชนนอกโลกและระบบการเงินแบบเดิม เพื่อบรรลุแนวคิด ‘Internet of Value’ ตามเป้าหมายของริปเปิลในอนาคต
ความคิดเห็น 0