บิตคอยน์(BTC) ทะยานแตะ 100,000 ดอลลาร์ หนุนโดยเศรษฐกิจโลกและเงินสถาบัน

บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยราคา ณ ปัจจุบันยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลเพียง 3.6% การผ่อนคลายของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว กลายเป็น ‘แรงส่ง’ สำคัญที่หนุนการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์ดิจิทัลเบอร์หนึ่ง

จากรายงานของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล บิตฟิเน็กซ์ (Bitfinex) เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า สภาพเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นมิตรและความสนใจจากสถาบันที่ดำเนินต่อเนื่อง จะยังเป็น ‘พลังขับเคลื่อนหลัก’ ของบิตคอยน์ในระยะใกล้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า ปัจจัยมหภาคที่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งจะช่วยให้บิตคอยน์แข็งแกร่งเหนือสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นรวมถึงหุ้น

เพิ่มเติมจากนั้น การส่งสัญญาณในเชิงบวกเกี่ยวกับ ‘ทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย’ จากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สร้างความเชื่อมั่นในตลาดและ ‘กระตุ้น’ การฟื้นตัวของราคา พร้อมเปิดทางไปสู่การทำสถิติใหม่

นักวิเคราะห์จากบิตฟิเน็กซ์ ยังเผยด้วยว่า จีนได้หยุดตอบโต้ภาษีต่อสหรัฐฯ จาก ‘ความคืบหน้าอย่างไม่เป็นทางการ’ ในการเจรจา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ สภาพแวดล้อมแบบนี้ รวมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยในอนาคต จะ ‘เอื้อ’ ต่อสินทรัพย์เสี่ยง นำโดยบิตคอยน์

การเดินหน้าขาขึ้นของบิตคอยน์ยังช่วยดึงดูดเงินทุนใหม่เข้าสู่ตลาดอีกครั้ง โดยบางส่วนของนักลงทุนกำลังกลับเข้ามาซื้อ ขณะที่บางรายเลือกขายทำกำไรและลดความเสี่ยง รายงานจากบิตฟิเน็กซ์ระบุว่า ‘มูลค่าตามราคาตลาดที่รับรู้แล้ว’ หรือ Realized Market Cap ของบิตคอยน์ ถือเป็นหลักฐานบ่งชี้แนวโน้มดังกล่าว

Realized Market Cap ของบิตคอยน์ ขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 889,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.1% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา สะท้อนว่า การเพิ่มขึ้นของราคานั้นไม่ได้มาจาก ‘การเก็งกำไร’ เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก ‘สภาพคล่องจริง’ ที่ไหลเข้าตลาด เมื่อราคายังอยู่ต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ มีมากกว่า 5 ล้านเหรียญที่อยู่ในสถานะขาดทุน แต่หลังจากราคาฟื้นกลับมา ตัวเลขนี้ลดลงเหลือเพียง 700,000 เหรียญ

ในขณะเดียวกัน กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตในสหรัฐ ก็แสดงให้เห็นถึง ‘การไหลเข้าของเม็ดเงินจำนวนมาก’ ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากนักวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ‘รูปแบบเงินทุน’ ที่ไหลเข้าสู่ ETF เริ่มแยกตัวจากการปรับฐานระยะสั้นของราคา สะท้อนว่าการลงทุนมีความต่อเนื่องและตั้งอยู่บนกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น

*ความคิดเห็น: หากไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจที่กลายเป็นปัจจัยลบใหม่ บิตคอยน์อาจทดสอบจุดสูงสุดเดิมหรือแม้แต่สร้างสถิติใหม่ในระยะใกล้ได้อย่างมีโอกาส*