ตลาดคริปโตเผชิญแรงเทขายหนัก! บิตคอยน์(BTC) ร่วงต่ำกว่าแนวรับสำคัญ นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อ

ตลาดคริปโตเผชิญแรงเทขายครั้งใหญ่ นักลงทุนกังวลผลกระทบเงินเฟ้อและนโยบายการเงิน

ตลาดสกุลเงินดิจิทัลกำลังเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก หลังจากบิตคอยน์(BTC) และอัลต์คอยน์หลัก ๆ ปรับตัวลดลงพร้อมกัน ส่งผลให้มูลค่าการชำระบัญชีในช่วง 24 ชั่วโมงพุ่งสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดแรงเทขายครั้งนี้

ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเร็วขึ้นหลังสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมกราคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตัวเลขดังกล่าวตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และกระตุ้นให้ตลาดปรับตัวลดลง บิตคอยน์สูญเสียแนวรับสำคัญที่ 94,200 ดอลลาร์ กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน

นอกจากตลาดคริปโตแล้ว ตลาดการเงินทั่วโลกเองก็กำลังอยู่ในช่วงขาลง ความไม่แน่นอนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในจีน และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ทำให้สภาวะตลาดยิ่งไม่แน่นอน

โรเบิร์ต คิโยซากิ(Robert Kiyosaki) นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และผู้เขียนหนังสือ 'พ่อรวยสอนลูก' เตือนถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น โดยระบุว่า "ปี 2025 อาจเป็นช่วงเวลาของการล่มสลายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่" พร้อมชี้ว่าปัจจุบันมีการปลดพนักงานจำนวนมากทั่วโลก รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เตรียมลดตำแหน่งงานกว่า 65,000 ตำแหน่ง และบริษัทพลังงานหลักพร้อมกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างนิสสันและโฟล์กสวาเกนก็เริ่มปลดพนักงานแล้ว

คิโยซากิเตือนนักลงทุนว่า วิกฤตครั้งนี้อาจไม่ใช่เพียงภาวะถดถอย แต่มีโอกาสกลายเป็น "ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง" พร้อมแนะนำให้เตรียมรับมือแทนที่จะหวังว่าเศรษฐกิจจะ 'ลงจอดอย่างนุ่มนวล'

อย่างไรก็ตาม คิโยซากิยังคงมีมุมมองเชิงบวกกับตลาดคริปโต โดยเฉพาะบิตคอยน์และทองคำ เขายังคงซื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพราะมองว่าเป็น "ตัวเลือกที่ปลอดภัยและชาญฉลาดกว่าดอลลาร์" นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเร่งให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

คิโยซากิเน้นว่า ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน การถือครองสินทรัพย์ที่มีมูลค่าแท้จริงเป็นสิ่งสำคัญ โดยแนะนำให้ลงทุนใน "บิตคอยน์, ทองคำ และเงิน" เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน

แม้ว่าแนวโน้มการล่มสลายทางเศรษฐกิจที่คิโยซากิคาดการณ์ไว้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ยังคงเป็นคำถาม แต่สิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกยังคงเพิ่มขึ้น และคริปโตเคอร์เรนซีอาจได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงวิกฤต