ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
อีเธอเรียม(ETH) พุ่งขึ้นมากกว่า 7% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จนเกือบแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 375,300 บาท) อย่างไรก็ดี มีความกังวลจากบางฝ่ายในตลาดว่าราคานี้อาจเผชิญกับแรงขายและเกิด ‘การย่อตัวชั่วคราว’ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ 2,750 ดอลลาร์ (ประมาณ 382,300 บาท) ได้อย่างมั่นคง
นักวิเคราะห์ชื่ออาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลออนเชน เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า หาก ETH ปิดราคาเหนือระดับ 2,750 ดอลลาร์ ไม่ได้ อาจเผชิญแรงเทขายต่อเนื่อง และร่วงลงมาบริเวณ 2,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 347,500 บาท) ถึง 2,380 ดอลลาร์ (ประมาณ 330,800 บาท) ได้ โดยในระหว่างการซื้อขาย ETH เคยขึ้นไปแตะระดับ 2,720 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถฝ่าระดับต้านได้อย่างมั่นคง
นอกจากนี้ สัญญาณทางเทคนิคก็เริ่มส่งสัญญาณระวัง โดยดัชนี RSI ของอีเธอเรียมอยู่ที่ราว 71 ซึ่งถือว่าเข้าสู่เขต ‘ซื้อมากเกินไป’ โดยทั่วไปแล้ว หาก RSI เกิน 70 ตลาดมักจะเข้าสู่ภาวะ ‘ร้อนแรงเกินไป’ และเสี่ยงต่อการย่อตัวปรับฐาน
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองในเชิงบวกจากผู้เชี่ยวชาญอีกหลายราย โดยมองว่ายังมีโอกาสที่ราคาจะเบรกทะลุแนวต้านหลักที่ 2,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 389,200 บาท) ได้ หากทำได้สำเร็จ จะส่งสัญญาณชัดเจนของการเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ นักวิเคราะห์ชื่อไมเคิล ฟาน เดอ โปเป(Michael van de Poppe) ระบุว่า “ถ้า ETH เบรกเหนือ 2,800 ดอลลาร์ได้สำเร็จ ราคามีแนวโน้มจะขึ้นต่อไปถึงระดับ 3,400–3,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 472,600–486,500 บาท)” ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ฉายา ‘CryptoWZRD’ ก็เสริมว่า การเบรกผ่านแนวต้านนี้ “อาจจุดชนวนให้เกิดการรันราคาต่อเนื่องอย่างรุนแรง”
อีกด้านหนึ่ง ยังมีการพูดถึงกรณี ‘ขาขึ้นแบบสุดโต่ง’ หรือ Ultra Bullish โดยคาดการณ์ว่าอีเธอเรียมอาจขึ้นไปแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 695,000 บาท) และหากแนวโน้มราคารวมถึงปริมาณซื้อขายสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง อาจพุ่งไปถึง 20,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,780,000 บาท) ได้ด้วยเช่นกัน กลุ่ม CryptoELITES วิเคราะห์ว่า อีเธอเรียมเมื่อเทียบกับบิตคอยน์(ETH/BTC) ยังมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ชื่อ เกอร์ท ฟาน ลาเกน(Gert van Lagen) ระบุว่า “ETH อาจขึ้นถึง 20,000 ดอลลาร์ได้เร็วกว่าที่คิด”
ในช่วงตลาดคริปโตที่มี ‘ความผันผวน’ สูงเช่นนี้ ทิศทางของอีเธอเรียมจึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่านแนวต้านสำคัญในระยะสั้น ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าโมเมนตัมของราคาจะเดินหน้าต่อหรือต้องถอยกลับไปตั้งหลักใหม่อีกครั้ง
ความคิดเห็น 0