อีเธอเรียม(ETH) กำลังกลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุนในตลาดคริปโต หลังจากมีเงินลงทุนไหลเข้าสะสมถึงกว่า 300 ล้านดอลลาร์ภายในสัปดาห์เดียว ตามข้อมูลของบริษัทบริหารสินทรัพย์คริปโตอย่างคอยน์แชร์ส(CoinShares) เมื่อวันที่ 24 อีเธอเรียมมีเงินทุนไหลเข้าเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ส่งผลให้ยอดสะสมการลงทุนตั้งแต่ต้นปีพุ่งทะลุ 1.7 พันล้านดอลลาร์ สวนทางกับบิตคอยน์(BTC)และริปเปิล(XRP) ที่ในช่วงเวลาเดียวกันมีเงินทุนไหลออกมูลค่า 56 ล้านดอลลาร์
สิ่งที่น่าสนใจคือ เม็ดเงินที่ไหลเข้าอีเธอเรียมไม่ได้มีเพียงแค่จุดประสงค์ทางการเงินระยะสั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในด้านเทคโนโลยีและการใช้งานจริงของเครือข่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงิน การใช้สเตเบิลคอยน์ และการโทเคนสินทรัพย์ในโลกจริง ล้วนใช้ *อีเธอเรียม* เป็นฐานสำคัญ ความเคลื่อนไหวนี้ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนกำลังให้น้ำหนักกับ ‘คุณค่าโครงสร้างระยะยาว’ มากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น
ในสหรัฐฯ กองทุน ETF ที่ลงทุนในอีเธอเรียมมีเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่องนานถึง 15 วัน โดยตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินลงทุนไหลเข้าสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ ETF ของบิตคอยน์กลับมีเงินไหลออกกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ความแตกต่างนี้ทำให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่า *อีเธอเรียมไม่ใช่ ‘พระรอง’ ของบิตคอยน์อีกต่อไป*
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ามีการซื้ออีเธอเรียมรายใหญ่รวมกว่า 320 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งถูกนำไปฝากในโปรโตคอลสเตกกิ้งแบบมีสภาพคล่อง แสดงให้เห็นว่าสถาบันลงทุนเริ่มมอง *อีเธอเรียม* เป็นทรัพย์สินสำหรับถือครองในระยะยาว มากกว่าการเก็งกำไรแบบรวดเร็ว
โครงสร้างเชิงเทคนิค ความเป็นไปได้ในเชิงการนำไปใช้จริง รวมถึงการเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ล้วนหนุนให้ *อีเธอเรียม* ก้าวขึ้นมามีบทบาทนำในตลาดโดยไม่ต้องพึ่งพาการเคลื่อนไหวของราคา *ความเห็น* จากนักวิเคราะห์ชี้ว่า สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหา ‘การเล่าเรื่องครั้งต่อไป’ ของโลกคริปโต ปลายทางอาจไม่ได้อยู่ที่บิตคอยน์หรือริปเปิลอีกต่อไป แต่อาจเป็นอีเธอเรียมต่างหากที่กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของวงการ.
ความคิดเห็น 0