ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
คาดการณ์ว่า *สหรัฐฯ* จะเดินหน้าโหวต ‘กฎหมาย GENIUS’ เพื่อควบคุม *เหรียญสเตเบิลคอยน์* ในวันที่ 11 มิถุนายน (เวลาท้องถิ่น) โดยล่าสุด ไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong) ซีอีโอของ *คอยน์เบส(COIN)* ได้ออกมา ‘หนุน’ กฎหมายนี้อย่างเปิดเผย พร้อมกล่าวในโซเชียลมีเดีย X ว่า “ใกล้เข้ามาแล้ว” ซึ่งสะท้อนท่าทีเชิงบวกของอุตสาหกรรม
การสนับสนุนของอาร์มสตรองเกิดขึ้นหลังจากคารา คัลเวิร์ต(Kara Calvert) ผู้ดูแลนโยบายในสหรัฐฯ ของคอยน์เบส ได้โพสต์ข้อความแสดงความหวังว่า “ใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว” พร้อมขอบคุณ จอห์น ทูน(John Thune) ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา สำหรับความร่วมมือข้ามพรรคในการผลักดันร่างกฎหมายนี้ ไม่เฉพาะคอยน์เบสเท่านั้นที่เห็นด้วย แต่ *เซอร์เคิล* ผู้ออก *USDC* ก็แสดงการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งด้วยเช่นกัน
‘กฎหมาย GENIUS’ มีเป้าหมายเพื่อวางกรอบควบคุมเหรียญสเตเบิลคอยน์ในระดับรัฐบาลกลาง โดยเน้น ‘เกณฑ์การถือสินทรัพย์’, ‘การตรวจสอบบัญชี’, และ ‘คุณสมบัติของผู้ออกเหรียญ’ หากผ่านความเห็นชอบจะเป็นครั้งแรกที่ตลาดสเตเบิลคอยน์โลกซึ่งประเมินว่ามีมูลค่าราว *2.5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 347.5 ล้านล้านวอน)* จะได้รับกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปิดทางสู่อุตสาหกรรมการเงินที่มีความโปร่งใสมากขึ้นและถูกกฎหมายมากขึ้นในสหรัฐฯ
สัญญาณบวกสะท้อนถึงตลาดทันที โดยในวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา *เซอร์เคิล* ได้เดินหน้าไอพีโอ (IPO) ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น *347% ภายในวันเดียว* ความเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นผลพวงจากความคาดหวังต่อ ‘กฎหมายสเตเบิลคอยน์’ ที่กำลังจะถูกโหวต โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่ากฎหมายจะช่วยให้บริษัทที่มีโครงสร้างการออกเหรียญแบบ ‘มีความน่าเชื่อถือ’ ได้เปรียบในตลาด
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บริษัทมะกันอย่างเซอร์เคิลและคอยน์เบสให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศ คู่แข่งอย่าง *เทเธอร์(USDT)* กลับมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ในยุโรป โดยอาศัยการบังคับใช้กฎหมาย ‘MiCA’ ของสหภาพยุโรปเป็นแรงขับเคลื่อน ล่าสุด เทเธอร์ได้จัดตั้งพันธมิตรใหม่ชื่อ *StablR* ในมอลตา และร่วมมือกับฟินเทค *Oobit* เพื่อขยายบริการให้ครอบคลุมผู้ใช้งานทั่วทั้งยุโรป
พาโอโล อาร์ดัวิโน(Paolo Ardoino) ซีอีโอของเทเธอร์ ยังได้ออกมาอ้างว่า มูลค่ารวมของเทเธอร์ขณะนี้สูงถึง *515 พันล้านดอลลาร์ (ราว 715.85 ล้านล้านวอน)* และอาจทะยานเข้าสู่กลุ่ม ‘20 บริษัทชั้นนำของโลก’ โดยเน้นที่ ‘พอร์ตสะสมสินทรัพย์’ ซึ่งประกอบด้วย *บิตคอยน์(BTC)* และทองคำเป็นหลัก
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเริ่มแสดงความกังวลว่า หากสหรัฐฯ เสียจังหวะการกำหนดแนวทางกำกับดูแล ระเบียบด้านสเตเบิลคอยน์ทั่วโลกอาจเอนเอียงไปทางยุโรป หรือภูมิภาคอื่น ท่าทีของอาร์มสตรอง สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองนี้ โดยเขาเคยเตือนว่า ความล่าช้าของสหรัฐฯ อาจเปิดทางให้สินทรัพย์อย่างบิตคอยน์ถูกยกระดับเป็น ‘สกุลเงินกลางของโลก’
ขณะที่กระแสคาดหวังของตลาดและแรงล็อบบี้จากภาคอุตสาหกรรมกำลัง ‘พุ่งถึงขีดสุด’ การโหวตว่าจะเห็นชอบกฎหมาย GENIUS หรือไม่นั้น จะกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ที่สามารถชี้ขาดทิศทางของ ‘ดอลลาร์ดิจิทัล’ และอาจเป็นตัวกำหนดว่าอนาคต *คริปโต* ของสหรัฐฯ จะก้าวต่อไปด้วยกรอบกฎหมายใหม่ หรือปล่อยให้ประเทศอื่นแย่งชิงบทบาทด้านนวัตกรรมทางการเงินต่อไป
ความคิดเห็น 0