ตลาดฟิวเจอร์สของอีเธอเรียม(ETH) ทะยานสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จุดกระแสคาดหวังขาขึ้นในหมู่นักลงทุน โดยตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล CoinGlass เมื่อเร็ว ๆ นี้ 'มูลค่าคงค้างของสัญญาฟิวเจอร์ส' หรือ Open Interest ของอีเธอเรียม พุ่งขึ้น 6.14% แตะระดับประมาณ 41.66 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.57 ล้านล้านบาท) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากเพียง 21 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
แรงส่งในรอบนี้เกิดขึ้นหลังจากอีเธอเรียมสามารถทะลุ 'แนวต้านหลัก' ได้สำเร็จ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ของ ETH ก็แซงหน้าบิตคอยน์(BTC) อย่างชัดเจน โดยภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มูลค่าซื้อขายของ ETH ทะยานขึ้นถึง 32.9% แตะ 109.28 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.37 ล้านล้านบาท) เทียบกับ BTC ที่อยู่ที่ 77.22 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น
ในด้านการจัดอันดับตามแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ‘ไบแนนซ์’ ยังคงครองผู้นำด้วยมูลค่า Open Interest ที่ 7.59 พันล้านดอลลาร์ (ราว 276,000 ล้านบาท) และปริมาณซื้อขายที่ 27.88 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.01 ล้านล้านบาท) ตามมาด้วย Gate ที่ 5.71 พันล้านดอลลาร์, Bitget ที่ 4.33 พันล้านดอลลาร์ และ Bybit ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์
ปัจจัยที่บ่งชี้ความร้อนแรงในตลาดฟิวเจอร์สคือ อัตราส่วน Long/Short บนไบแนนซ์ซึ่งอยู่ที่ 1.20 สะท้อนความเชื่อมั่นเชิงบวกของนักลงทุน ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ เริ่มวาง ‘สถานะ Long’ อย่างเข้มข้น โดยบางรายมีสัดส่วนการซื้อสุทธิสูงกว่า 3.0 อย่างไรก็ตาม การใช้เลเวอเรจที่เพิ่มสูงยังนำมาซึ่ง 'ความผันผวน' ที่รุนแรง โดยในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงมีการถูกบังคับปิดสถานะ (Liquidation) รวมทั้งสิ้น 124.5 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นสถานะ Short 77.6 ล้านดอลลาร์ และสถานะ Long 46.9 ล้านดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้ยังสะท้อนภาพรวมเชิงบวกของตลาดคริปโตทั้งหมด โดยในวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา อีเธอเรียมพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 สัปดาห์ที่ 2,822 ดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาอยู่ที่ 2,766 ดอลลาร์ (ราว 96,000 บาท) เพิ่มขึ้น 4.7% ภายในหนึ่งสัปดาห์ และเหนือกว่าค่าเฉลี่ยการปรับตัวของตลาดทั้งระบบที่อยู่ที่ 4.5%
ปัจจัยหนุนสำคัญในการปรับขึ้นรอบนี้ มาจาก ‘แผนพัฒนาเครือข่าย’ ที่นำเสนอโดย วีทาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขีดความสามารถในการขยายของอีเธอเรียม รวมถึงสัญญาณบวกจากคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ที่เริ่มจัดระเบียบด้านการสเตกกิ้งและดีไฟ (DeFi) ให้ชัดเจนขึ้น ทั้งสองประเด็นนี้ต่างเพิ่ม ‘น้ำหนัก’ ให้กับความเป็นไปได้ที่ ETH จะไต่ระดับสู่ 3,500 ดอลลาร์ (ราว 121,000 บาท) ในอนาคต
แม้ตลาดฟิวเจอร์สที่ร้อนแรงและภาวะ Overleveraged จะถือเป็นความเสี่ยงที่ควรระมัดระวัง แต่ก็สะท้อนถึงมุมมองที่ผู้ลงทุนจำนวนไม่น้อยยังคงเชื่อมั่นใน ‘การเติบโตเชิงโครงสร้าง’ ของอีเธอเรียมในระยะยาวอย่างชัดเจน ความคิดเห็น: นักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับ ETH ในฐานะสินทรัพย์คุณภาพ ท่ามกลางความพยายามพัฒนาเทคโนโลยีและความชัดเจนทางกฎระเบียบที่มากขึ้น
ความคิดเห็น 0