ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
อีเธอเรียม(ETH) กำลังสร้างกระแสความสนใจของตลาดในช่วงที่ราคากำลังเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ระดับ 2,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.89 ล้านบาท) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักทั้งจากท่าทีที่เปลี่ยนไปของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC), การลงทุนเพิ่มขึ้นจากสถาบัน และกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์เชื่อว่าสัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่งอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า แม้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดในระยะสั้นก็ตาม
ขณะนี้ อีเธอเรียมมีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2,775 ดอลลาร์ (ราว 3.85 ล้านบาท) โดยปรับตัวขึ้น 9.1% ภายใน 24 ชั่วโมง และเพิ่มขึ้น 6.2% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดคริปโตโดยรวมที่อยู่ที่ 3.3% จุดเปลี่ยนสำคัญคือ คำแถลงของประธาน SEC พอล แอทกินส์(Paul Atkins) ที่ระบุว่า การพัฒนาแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินคริปโตและระบบสเตกกิ้งอยู่นอกขอบเขตของกฎหมายหลักทรัพย์ ส่งผลให้เกิดความหวังเรื่องการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง(DeFi)
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาอีเธอเรียมยังคงติดอยู่ในกรอบไซด์เวย์ โดยแกว่งตัวขึ้นลงในช่วงกว้าง นักวิเคราะห์ แดน คริปโต(Daan Crypto Trades) เห็นว่า "ราคาได้ทดสอบด้านบนซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งหมายความว่าต้องรอสัญญาณการทะลุแนวต้านอย่างชัดเจนก่อนจึงจะสามารถตัดสินใจซื้อขายได้”
ด้านนักวิเคราะห์ทางเทคนิค มิคาเอล ฟาน เดอ ป็อปเป(Michaël van de Poppe) คาดว่า หากอีเธอเรียมสามารถทะลุระดับ 2,800 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ ก็มีโอกาสพุ่งต่อไปยัง 3,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.86 ล้านบาท) แต่เตือนว่าแนวรับสำคัญที่ 2,575 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.57 ล้านบาท) ต้องยืนให้ได้ ขณะที่นักวิเคราะห์ ไซรัส โอลากุน(Čyrus Ologun) เตือนว่าการกลับสู่ขาขึ้นอาจยังเร็วเกินไป และหากราคาไม่ปิดเหนือ 2,800 ดอลลาร์อย่างแข็งแกร่ง ก็อาจร่วงกลับไปที่ 2,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.05 ล้านบาท) เขายังชี้ว่ารูปแบบราคาในตอนนี้เหมือนกับ 'ธงขาลง' และข้อมูลจากการซื้อขายช่วง 30 วันที่ผ่านมาก็บ่งชี้ว่าแรงซื้อกำลังอ่อนตัวลง
ในอีกด้านหนึ่ง ปัจจัยพื้นฐานของอีเธอเรียมกลับมีพัฒนาการเชิงบวก โดยนักลงทุนเทวดา โมมิน ซากิบ(Momin Saqib) เผยว่า อีเธอเรียมมีเงินไหลเข้าสุทธิอย่างต่อเนื่องถึง 7 สัปดาห์ และเฉพาะในช่วง 20 วันที่ผ่านมา มีเงินทุนกว่า 815 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.13 หมื่นล้านบาท) ไหลเข้า ETF ที่เกี่ยวข้องกับ ETH นอกจากนี้ ปัจจุบันมีอีเธอเรียมราว 34.6 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 28% ของอุปทานทั้งหมด ถูกนำไปสเตกกิ้ง ยิ่งเสริมความหวังว่าราคาจะมีแรงหนุนเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกัน สถาบันใหญ่ เช่น แบล็คร็อก และฟิเดลิตี้ ก็กำลังเพิ่มการถือครองอีเธอเรียม โดยมีการเคลื่อนไหวของเครือข่ายเพิ่มขึ้นชัดเจน สัปดาห์นี้มีจำนวนกระเป๋าเงินที่ใช้งานมากกว่า 16 ล้านใบ ทำสถิติใหม่ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของฐานผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง นักเทรดที่ใช้ชื่อว่า มาสเตอร์ ออฟ คริปโต(Master of Crypto) วิเคราะห์ว่า “นี่ไม่ใช่แค่การเพิ่มขึ้นของราคาเท่านั้น แต่เป็นการเติบโตจากการใช้งานจริง”
ท้ายที่สุด ทิศทางของตลาดคริปโตตอนนี้จึงขึ้นอยู่กับว่าอีเธอเรียมจะสามารถผ่านแนวต้านที่ 2,800 ดอลลาร์ได้หรือไม่ หากทำได้ ก็มีแนวโน้มที่จะเกิด 'แรลลี่ขาขึ้น' ไปถึงช่วง 3,000-3,500 ดอลลาร์ แต่ในภาวะที่ความไม่แน่นอนยังไม่หมดไป นักลงทุนจึงยังคงระมัดระวังและเน้นการรอจังหวะในการตัดสินใจลงทุน
ความคิดเห็น 0