อีเธอเรียม(ETH) กลับมาสร้างความสนใจในตลาดอีกครั้งหลังจากราคาฟื้นตัวแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยภายในเวลาเพียง 5 สัปดาห์ อีเธอเรียมพุ่งขึ้นเกือบ 60% ทำให้มีการวิเคราะห์ว่าขณะนี้กำลังสร้างฐานทางเทคนิคสำคัญเพื่อทะลุแนวต้านที่ 3,400 ดอลลาร์(ประมาณ 472,000 บาท)
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บนเชนอย่าง Glassnode เผยว่า อีเธอเรียมหลุดพ้นจากช่วงราคาที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบมานานหนึ่งเดือน และกำลังได้รับแรงสนับสนุนจากระดับราคา 2,700~2,760 ดอลลาร์(ประมาณ 375,000~383,000 บาท) ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนจำนวนมากเข้าซื้อ โดยมีเหรียญ ETH กว่า 2 ล้านเหรียญถูกถือครองอยู่ในช่วงราคาดังกล่าว ถือเป็นระดับ ‘แนวรับ’ สำคัญที่สามารถช่วยพยุงราคาในกรณีที่ตลาดซึมตัวอีกครั้ง
ฝั่งแนวต้านก็มีภาพเชิงบวกเช่นกัน โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าในระดับราคาที่สูงขึ้นยังไม่มีแรงขายจำนวนมาก ดังนั้น หากไม่มีแรงเทขายเข้าแทรก มูลค่าอีเธอเรียมอาจขยับขึ้นเหนือตัวเลขสำคัญที่ 3,420 ดอลลาร์(ราว 475,000 บาท) ได้ในทางเทคนิค แต่อย่างไรก็ตาม ระดับราคา 2,800~3,300 ดอลลาร์(ราว 389,000~459,000 บาท) อาจกลายเป็นแนวต้านสำคัญ หากนักลงทุนที่ถือครองอยู่ในช่วงนี้เริ่มขายทำกำไร
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ Sentiment ระบุอีกด้วยว่า ความสนใจต่ออีเธอเรียมบนโซเชียลมีเดียกำลังเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความคาดหวังจากนักลงทุนรายย่อยที่สนใจการเติบโตของตลาดอนุพันธ์และการเข้ามาของนักลงทุนสถาบัน นักวิเคราะห์ชื่อดัง ‘Rekt Capital’ แสดงความคิดเห็นว่า อีเธอเรียมมีประวัติเคยดีดตัวขึ้นจากระดับ 2,500 ดอลลาร์(ประมาณ 348,000 บาท) ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเกิดรูปแบบซ้ำในรอบนี้
ในด้านการลงทุนของสถาบัน ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส โดยเฉพาะกระแสเงินไหลเข้าของกองทุน ETF อีเธอเรียมแบบซื้อขายจริง(Spot ETF) ที่ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 18 วัน โดยในวันที่ 12 มิถุนายนเพียงวันเดียว เงินไหลเข้าแตะ 240 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 3,336 ล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายเนท เกราซี(Nate Geraci) ประธาน ETF Store ย้ำว่า ปัจจุบัน ETF ดังกล่าวยังไม่มีฟีเจอร์สำคัญอย่างการสเตกหรือการแลกเปลี่ยนเหรียญจริง จึงถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต
ด้านราคาปัจจุบัน ในวันที่ 11 มิถุนายน อีเธอเรียมได้ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง อยู่ที่ระดับ 2,870 ดอลลาร์(ราว 398,000 บาท) ก่อนจะมีการปรับฐานเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2,760 ดอลลาร์ในตลาดเอเชียช่วงต้นวัน ขณะที่ราคาของบิตคอยน์(BTC) ก็เริ่มอ่อนตัวจากจุดสูงสุดในสัปดาห์ 110,000 ดอลลาร์(ประมาณ 15.29 ล้านบาท) ลงมาอยู่ที่ 108,000 ดอลลาร์(ประมาณ 15.01 ล้านบาท) ส่วนสกุลเงินดิจิทัลอื่น เช่น โซลานา(SOL), ดอจคอยน์(DOGE), โทรอน(TRX) และ คาร์ดาโน(ADA) ก็ต่างเผชิญแรงขายและกำลังคืนกำไรในระยะสั้น
แม้ว่าการพุ่งขึ้นของอีเธอเรียมในครั้งนี้อาจเป็นเพียงสัญญาณระยะสั้น แต่หากแนวโน้มการลงทุนจากทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยยังดำเนินต่อไป ก็มีโอกาสที่ราคาอาจเข้าสู่ช่วงเติบโตในระยะกลางถึงยาวในอนาคต ความเห็นจากนักวิเคราะห์หลายรายสะท้อนว่า อีเธอเรียมในรอบนี้อาจเปิดโอกาสใหม่สำหรับนักลงทุนที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของบล็อกเชนสาย Smart Contract รายนี้
ความคิดเห็น 0