คณะกรรมการเสถียรภาพทางการเงินระหว่างประเทศ (FSB) เตือนว่าความเชื่อมโยงระหว่าง *ตลาดคริปโต* และภาค *การเงินดั้งเดิม* กำลังขยายตัวจนอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง โดยเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) แคลาส นอต(Klaas Knot) ประธาน FSB ได้กล่าวระหว่างการปราศรัยที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ว่า แม้คริปโตจะยังไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในระดับระบบต่อภาคการเงินแบบดั้งเดิม แต่ก็ ‘ใกล้ถึงจุดวิกฤต’ แล้ว
แคลาส นอตให้ความเห็นว่า การมาถึงของกองทุน ETF ที่อิงกับ *สกุลเงินดิจิทัล* ทำให้ความเสี่ยงแผ่ขยายจากตลาดคริปโตเข้าสู่ตลาดการเงินกระแสหลักได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของ ‘การลดอุปสรรคในการเข้าถึง’ สำหรับนักลงทุนรายย่อย เมื่อสามารถลงทุนในคริปโตได้ผ่าน ETF โดยไม่ต้องมีความรู้เรื่องการจัดการคีย์ส่วนตัว สร้างกระเป๋าเงิน หรือใช้แพลตฟอร์มซื้อขายโดยตรง ความสะดวกนี้แม้จะขยายฐานนักลงทุน แต่ก็เสี่ยงต่อการสร้างแรงกดดันหากตลาดเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง
เขายังเน้นถึงความจำเป็นในการจับตา *สเตเบิลคอยน์* อย่างใกล้ชิด โดยชี้ว่า ผู้ออกเหรียญรายใหญ่จำนวนมากถือ *พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ* ในมูลค่ามหาศาล ซึ่งอาจทำให้ตลาดคริปโตและตลาดพันธบัตรเชื่อมโยงกันมากขึ้น ความเชื่อมโยงนี้ หากไม่ได้รับการควบคุมที่เหมาะสม อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพของภาคการเงินโดยรวม
คำเตือนของ FSB ในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการสนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผยจาก *ประธานาธิบดีทรัมป์* และแนวโน้มการเข้าสู่ระบบสถาบันของคริปโตที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติ ETF การเติบโตของตลาดสเตเบิลคอยน์ หรือการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจนำมาสู่การตอบโต้ที่รัดกุมยิ่งขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก
*ความคิดเห็น*: ตลาดคริปโตอาจกำลังจะพ้นจากสถานะ “ขอบสนาม” และกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจหลัก แต่เส้นแบ่งระหว่าง "การยอมรับ" และ "ความเสี่ยงระบบ" นั้นบางมาก การกำกับดูแลอย่างสมดุลจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเฟสถัดไปของการเติบโต
ความคิดเห็น 0