Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

โครงสร้างผู้นำใหม่ของมูลนิธิอีเธอเรียม(ETH) ถูกวิจารณ์หนัก อาจกระทบเสถียรภาพระบบ

ความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างผู้นำใหม่ของมูลนิธิอีเธอเรียม(Ethereum Foundation – EF) กำลังทวีความรุนแรงขึ้น หลังคริสติน คิม(Christine Kim) อดีตรองประธานฝ่ายวิจัยของบริษัทกาแล็กซี ดิจิทัล ออกวิจารณ์ว่า มีการกระจุกตัวของความรับผิดชอบในมือของบุคคลเพียงไม่กี่คน ทำให้เกิดโครงสร้างองค์กรที่ ‘สับสนวุ่นวาย’

เมื่อวันที่ 11 คิมโพสต์ผ่านบัญชี X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) ระบุว่า ทิม ไบโก(Tim Beiko), บาร์นาเบ โมโน(Barnabé Monnot) และอเล็กซ์ สต็อกส์(Alex Stokes) มีบทบาทดูแลโครงการวิจัยและพัฒนาหลายรายการ ทั้งด้านการขยายขีดความสามารถของเลเยอร์ 1 และเลเยอร์ 2 รวมถึงการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ เธอยังชี้ว่า บุคคลกลุ่มนี้มีอิทธิพลทั้งในระดับทีมเฉพาะของตน และระดับแผนงานเทคโนโลยีโดยรวม ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ ‘ไม่ยั่งยืน’

คิมยังได้วิเคราะห์แผนผังองค์กรที่เผยแพร่โดยมูลนิธิอีเธอเรียม โดยตั้งข้อสังเกตว่า การจัดกลุ่มทีมและฟังก์ชันต่างๆ ด้วยสีที่แตกต่างกันนั้น ไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน เช่น การรวมทีม ‘คอนเซนซัส’ ซึ่งทำหน้าที่กำกับการยืนยันธุรกรรม อยู่ในกลุ่มเดียวกับ ‘บัญชีแบบนามธรรม’ แต่แยกจากหัวข้อคล้ายกันอย่างการสื่อสารแบบ P2P หรือระบบฉันทามติแบบไม่มีสถานะ อีกทั้งการวางหน่วยงานด้าน ‘การทดสอบ’ ไว้ใกล้ ‘แพนด้าออปส์(PandaOps)’ มากกว่าหน่วยงานด้านความปลอดภัยก็ถูกมองว่าไม่สมเหตุสมผล

ในประเด็นนี้ บาร์นาเบ โมโน หนึ่งในนักวิจัยของมูลนิธิอธิบายว่า รายชื่อที่เป็นตัวหนาในแผนผังหมายถึงผู้นำทีม ขณะที่สีที่ใช้ระบุถึงลำดับการรายงาน อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า องค์ประกอบของแผนผังนี้ ‘มีข้อมูลมากเกินไป’ และอาจต้องทำให้เรียบง่ายลง หรือถูกยกเลิกไปเลย

การปรับโครงสร้างผู้นำในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่ามูลนิธิอีเธอเรียมขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและมีอัตลักษณ์ทางเทคโนโลยีที่ไม่มั่นคง เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาโดยมีการแต่งตั้งเซียวเหว่ย หวัง(Hsiao-Wei Wang) และโทมาช สตานซัค(Tomasz Stańczak) เป็นผู้อำนวยการร่วม พร้อมกับเปลี่ยนชื่อหน่วย R&D เป็น ‘โปรโตคอล’ และตัดลดพนักงานบางตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนต่อโครงสร้างใหม่นั้นยังไม่เป็นเอกฉันท์ โดยหวังมองว่ารูปแบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่ม ‘ความโฟกัส’ และเร่งความก้าวหน้าของโครงการหลัก ขณะที่ไคล์ ซามานี(Kyle Samani) ผู้ร่วมก่อตั้งมัลติเคน แคปิทัล(Multicoin Capital) แสดงความกังวลว่า การลดบุคลากรสำคัญอาจทำให้ความสามารถในการขยายระบบและประสบการณ์ผู้ใช้เสียสมดุล

นอกจากนี้ ปัญหาด้านความปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่กำลังแผ่ขยาย หลังจากอีเธอเรียมเพิ่งอัปเกรด ‘เพกตรา(Pectra)’ โดยเฉพาะหลังการเปิดใช้งาน EIP-7702 กรณีการโจมตีแบบฟิชชิ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม มีรายงานว่ามีกระเป๋าสตางค์กว่า 10,000 ใบถูกโจมตี และยังมีการแพร่กระจายของสมาร์ตคอนแทรกต์ที่เป็นอันตราย ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้เมตามาสก์

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิอีเธอเรียมกำลังยืนอยู่บน ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ระหว่างการพัฒนาระบบและการรักษาเสถียรภาพจากความท้าทายทั้งภายในและภายนอก ว่าการนำโครงสร้างผู้นำใหม่มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ หรือกลับกลายเป็นการสร้างความวุ่นวายด้านธรรมาภิบาล จะต้องจับตาดูผลลัพธ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่างใกล้ชิด

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1