ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ในอีเธอเรียม(ETH)กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง หลังจากเจ้าของกระเป๋าเงินขนาดใหญ่ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานาน เริ่มทยอยเทขายเหรียญในปริมาณมาก โดยเฉพาะการกลับมาของ ‘OG’ หรือนักลงทุนดั้งเดิมที่ห่างหายไปนานกว่า 2 ปี
จากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน Lookonchain เมื่อวันที่ 16 พบว่า นักเทรดหนึ่งรายที่จัดอยู่ในกลุ่ม ‘OG อีเธอเรียม’ ได้ขายอีเธอเรียมจำนวน 501 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว *1.29 ล้านดอลลาร์* หรือประมาณ *17.9 ล้านบาท* โดยก่อนหน้าการขายหนึ่งวัน มีการส่ง ETH จำนวนเล็กน้อยเพื่อทดสอบระบบ ก่อนจะย้ายเหรียญ 500 ETH ออกมาเพื่อขายจริง
นักลงทุนรายนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวในกระเป๋าเงินมานานเกือบ 2 ปี แต่เริ่มแสดงท่าทีเชิงรุกมากขึ้นในช่วงหลัง โดยย้อนไปในช่วงปี 2023 เขาเคยขาย ETH ทั้งหมด 3,786 เหรียญ ทำกำไปราว *7.17 ล้านดอลลาร์* หรือกว่า *99.6 ล้านบาท* ปัจจุบันเขายังถือครองอีเธอเรียมไว้อีก *8,052 เหรียญ* คิดเป็นมูลค่าราว *20.43 ล้านดอลลาร์* หรือ *ประมาณ 283.9 ล้านบาท* ตามราคาในตลาดปัจจุบัน
ขณะที่อีกกรณีน่าสนใจไม่แพ้กัน คือกระเป๋าเงินที่เคยมีส่วนร่วมในการเสนอขายเหรียญเริ่มแรกของอีเธอเรียม(ICO) ได้ย้าย ETH จำนวน 2,000 เหรียญเข้าสู่แพลตฟอร์ม *ไบแนนซ์* หลังไม่ได้เคลื่อนไหวมานานถึง 10 ปี และขายเหรียญออกไปทั้งหมดภายในไม่กี่วัน ได้รับเงินรวมกว่า *5.13 ล้านดอลลาร์* หรือประมาณ *71.2 ล้านบาท*
ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังพบการไหลออกของเงินทุนจาก *ETF อีเธอเรียม* ที่น่ากังวล โดย Lookonchain รายงานว่าในวันที่ 16 มิถุนายน มี ETH จำนวน *3,748 เหรียญ* ออกจาก ETF อีเธอเรียมทั่วทั้งตลาด คิดเป็นมูลค่ารวม *ราว 98.6 ล้านบาท* ซึ่งมากที่สุดคือ *กองทุนฟิเดลิตี* ที่มีการไหลออกของ ETH จำนวน *3,496 เหรียญ* หรือราว *92.3 ล้านบาท* กองทุนจาก *อินเวสโกและกาแล็กซี* ลดลง 172 ETH และ *กองทุนเกรย์สเกล* ลดลงอีกเล็กน้อยที่ 78 ETH
ในวันเดียวกัน ราคาอีเธอเรียมร่วงลงกว่า 5% ไปอยู่ที่ระดับ *2,580 ดอลลาร์* หรือราว *358,000 บาท* หลังจากเพิ่งแตะระดับ *2,680 ดอลลาร์* ในวันก่อนหน้า สร้างความผันผวนต่อเนื่องในระยะสั้น ความเคลื่อนไหวจากนักลงทุนกลุ่ม OG และการเทขายจาก ETF ถูกมองว่าอาจสร้างแรงกดดันให้ตลาดมากขึ้น
*ความคิดเห็น:* การเคลื่อนไหวนี้อาจสะท้อนว่านักลงทุนระยะยาวเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยหันมา *ตัดสินใจขายทำกำไร* แทนที่จะถือเหรียญไว้เฉย ๆ เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความกังวลต่อแนวโน้มตลาดข้างหน้า นักลงทุนรายย่อยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากกระแสขายยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ก็อาจส่งผลต่อราคาถัดไปในระยะสั้นถึงกลาง.
ความคิดเห็น 0