แรงกดดันภูมิรัฐศาสตร์-ประชุม FOMC ฉุดบิตคอยน์(BTC)ชะลอตัว ตลาดคริปโตเข้าสู่ภาวะพักฐานระยะสั้น

ตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ภาวะ ‘พักตัวระยะสั้น’ หลังแรงกดดันจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และเหตุการณ์ด้านการเงินทั่วโลกเริ่มประจวบกัน ส่งผลให้ *บิตคอยน์(BTC)* ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยรายงานฉบับล่าสุดจาก AM Management บริษัทวิจัยและลงทุนคริปโต ระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมถึงการประชุมคณะกรรมการ FOMC ของสหรัฐในเดือนมิถุนายน เป็นปัจจัยร่วมที่ชี้นำทิศทางตลาดในช่วงนี้

จากรายงานของ AM Management เมื่อวันที่ 24 บิตคอยน์ปิดราคาที่ 105,380 ดอลลาร์ ลดลง 0.58% เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า บริบทของความตึงเครียดในตะวันออกกลางทำให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลต่อราคา *สินค้าโภคภัณฑ์* ความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน และภาพรวมของสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่อิหร่านแสดงท่าทีไม่ตอบโต้โดยตรงแต่เลือกใช้วิธีแทรกแซงทางอ้อม เช่น การรบกวนเส้นทางขนส่งพลังงาน พร้อมกับที่สหรัฐแสดงจุดยืนสนับสนุนสิทธิป้องกันตนเองของอิสราเอล และแนวโน้มเจรจาฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 แทบไม่มีความหวังอีกต่อไป เหตุการณ์เหล่านี้จุดประกายให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ซึ่งกระทบต่อ *ตลาดคริปโต* โดยตรง และสร้างแรงกดดันระยะสั้นต่อ *บิตคอยน์*

ในอีกแง่หนึ่ง *ตลาดการเงินโลก* ก็กำลังจับตาการประชุม FOMC ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 มิถุนายนอย่างใกล้ชิด โดย AM Management ระบุว่า ผลลัพธ์จากนโยบายอัตราดอกเบี้ย, การคาดการณ์ในจุดสิ้นสุดของดอกเบี้ย (Dot Plot) และมุมมองเศรษฐกิจใหม่ๆ ล้วนมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยชี้นำตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในอนาคต สำหรับข้อมูล CME FedWatch แสดงให้เห็นว่า ความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะตรึงดอกเบี้ยในรอบนี้อยู่ที่ 96.8% อย่างไรก็ตาม หากถ้อยแถลงของ FOMC ออกมา ‘สายเหยี่ยว’ เกินคาด ก็อาจนำไปสู่การปรับฐานของตลาดเพิ่มเติม นอกจากนี้ การประกาศนโยบายการเงินของญี่ปุ่นและดัชนีจากชาติหลักอื่นๆ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักในแง่การเคลื่อนไหวของตลาดในวงกว้าง

ด้านสภาพคล่องของตลาด *บิตคอยน์* ยังคงแสดงสัญญาณฟื้นตัวอย่างระมัดระวัง มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ราว 2.095 ล้านล้านดอลลาร์ รั้งตำแหน่งสินทรัพย์ใหญ่ลำดับ 6 ของโลก ขณะที่ปริมาณสัญญาเปิด(OI) เพิ่มขึ้น 503 รายการ โดยมีการสะสมสถานะ *ซื้อ(Long)* เพิ่มขึ้นทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและบางส่วนของผู้จัดการสินทรัพย์ อย่างไรก็ดี ฝั่งสถานะ *ขาย(Short)* ขยายตัวมากกว่า บ่งชี้ว่ายังมีแนวโน้มเลือกเดินเกมส์อย่างระมัดระวัง

ในเชิงเทคนิค บิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในรูปแบบสามเหลี่ยมขาลง (Descending Triangle) ในกรอบเวลาราย 4 ชั่วโมง ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เพราะหากไม่สามารถทะลุแนวต้านด้านบนได้ ก็มีความเสี่ยงที่จะลงไปทดสอบแนวรับอีกครั้ง ทางด้าน *ความโดดเด่นของตลาด (market dominance)* บิตคอยน์ขยับขึ้นเป็น 64.73% เพิ่มขึ้น 0.23% ส่วน *อีเธอเรียม(ETH)* อยู่ที่ 9.45% เพิ่มขึ้น 1.61% สะท้อนถึงแรงซื้อที่ยังหนุนอยู่ในบางโซน ขณะเดียวกัน สเตเบิลคอยน์อย่าง *เทเธอร์(USDT)* ก็มีความโดดเด่นขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.75% ซึ่ง *ความคิดเห็น* ของนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณของความระวังต่อความผันผวนที่ยังไม่จางหาย

อีกหนึ่งปัจจัยที่เริ่มสร้างแรงกดดันให้ตลาดคริปโต คือการปลดล็อก(token unlock) เหรียญจำนวนมากจากโครงการหลักอย่าง *อาร์บิทรัม(ARB)*, *LayerZero* และ *ZkSync* ที่กำหนดไว้ในสัปดาห์นี้ ซึ่ง AM Management เตือนว่าอาจทำให้เกิดแรงขายกระทันหันและสะท้อนเป็นแรงกดดันต่อราคาโดยรวม ควรจับตาอย่างใกล้ชิด

ท้ายที่สุด ความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่อาจกลายเป็น ‘ปัจจัยโครงสร้าง’ และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงิน กำลังกลายมาเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่า *บิตคอยน์* จะสามารถรักษาระดับสนับสนุนบริเวณ 100,000 ดอลลาร์ต้นๆ ได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ผลสรุปจากการประชุม FOMC เดือนมิถุนายนก็อาจเป็น ‘บททดสอบใหญ่’ สำหรับทิศทางระยะกลางของ *ตลาดคริปโต* และตลาดการเงินแบบดั้งเดิมในช่วงครึ่งปีหลัง