วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมาย ‘GENIUS’ ซึ่งเป็นกฎหมายกำกับดูแล *สเตเบิลคอยน์* ฉบับแรกอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ด้วยผลโหวต 51 ต่อ 23 เสียง นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาด *คริปโตเคอร์เรนซี* และจะวางรากฐานให้กับอนาคตของอุตสาหกรรม *สินทรัพย์ดิจิทัล* ในสหรัฐฯ
ร่างกฎหมาย GENIUS (Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins) กำหนดให้ *สเตเบิลคอยน์* ต้องมีการสนับสนุนมูลค่าโดย *ทรัพย์สินที่เป็นรูปธรรม* เช่น *ดอลลาร์สหรัฐ* ครบ 100% พร้อมบังคับให้บริษัทที่มีมูลค่าการออกเหรียญมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6.95 หมื่นล้านบาท ต้องผ่านการตรวจสอบทางการเงินเป็นประจำ โดยเฉพาะบริษัทนอกสหรัฐฯ จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง เมตา และอเมซอน ก็ไม่รอดพ้นจากกรอบกฎหมายนี้ หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านคุ้มครองทางการเงินและความเป็นส่วนตัว อาจถูกจำกัดสิทธิในการออก *สเตเบิลคอยน์* ซึ่งเป็นมาตรการที่มุ่งควบคุมไม่ให้แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตเข้ายึดอำนาจระบบการเงินจนเกินไป
อีกประเด็นสำคัญคือกฎหมายฉบับนี้มอบ ‘*สิทธิ์ชำระหนี้ลำดับแรกพิเศษ*’ (Super-priority status) ให้แก่ผู้ถือ *สเตเบิลคอยน์* หมายความว่า หากบริษัทผู้ออกเหรียญล้มละลาย ผู้ใช้งานจะได้รับเงินคืนเป็นกลุ่มแรก เพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนในตลาด *สกุลเงินดิจิทัล*
การผ่านร่างกฎหมายครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จแรกของฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ในการออกกฎหมายครอบคลุมอุตสาหกรรม *สเตเบิลคอยน์* และ *คริปโต* อย่างเป็นรูปธรรม หลังจากหลายครั้งที่ผ่านมาไม่สามารถตกลงกันได้ด้วยเหตุผลทางการเมือง โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญจาก *ทรัมป์* ซึ่งผลักดันนโยบาย *สินทรัพย์ดิจิทัล* เต็มที่ และมองว่าเทคโนโลยีนี้คืออนาคตของอธิปไตยทางการเงินของประเทศ
ตามการคาดการณ์ ตลาด *สเตเบิลคอยน์* อาจเติบโตแตะระดับ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 5,143 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030 ซึ่งกฎหมาย GENIUS สะท้อนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ พยายามวางบทบาทนำในการสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลระดับโลก
ขณะนี้ร่างกฎหมายถูกส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจเลือกใช้เนื้อหาเดิม หรือนำไปปรับแก้ก่อนเจรจากับวุฒิสภา ทรัมป์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะผลักดันให้มีการลงนามรับรองก่อนเดือนสิงหาคม ซึ่งฝ่ายบริหารเองก็ส่งสัญญาณสนับสนุนอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น: ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ครั้งนี้ อาจกลายเป็น *ตัวเร่งสำคัญ* ให้ประเทศอื่น ๆ เร่งกำหนดทิศทางกฎหมาย *สเตเบิลคอยน์* ของตนเอง ขณะที่นักลงทุนและผู้ใช้งานคริปโตทั่วโลกจะจับตาว่า โมเดลจากสหรัฐฯ นี้จะกลายเป็น ‘มาตรฐานสากล’ หรือไม่
ความคิดเห็น 0