การพบทรัมป์-มูนีร์จุดกระแสคริปโตโลก จับตาข้อตกลงลับสหรัฐ-ปากีสถาน

การพบกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และพลเอกอาซิม มูนีร์(Asim Munir) ผู้บัญชาการทหารบกของปากีสถานที่ทำเนียบขาวได้สร้างแรงกระเพื่อมไม่เพียงในแวดวงการทูต แต่ยังรวมถึง ‘ตลาดคริปโต’ ด้วย โดยครั้งนี้ถือเป็นการพบปะอย่างเป็นทางการระหว่างผู้นำกองทัพของทั้งสองประเทศในรอบ 20 ปี ซึ่งนอกเหนือจากประเด็นด้านการทหารและการทูต ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทบาทของ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ที่อาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งใหม่

แม้ว่าวาระในการเยือนสหรัฐของมูนีร์จะเน้นด้านความมั่นคงและความร่วมมือทางการทูตเป็นหลัก แต่ฝ่ายการเมืองในสหรัฐรวมถึงคนในแวดวงบล็อกเชนเริ่มตั้งข้อสังเกตถึงความเป็นไปได้ในการมี *ข้อตกลงลับ* ระหว่างทีมของทรัมป์กับบริษัทคริปโตที่มีฐานอยู่ในปากีสถาน รายงานจากบางแหล่งในสหรัฐยังระบุว่าครอบครัวของทรัมป์กำลังพยายามผลักดันข้อตกลงทางการเงินกับบริษัทเหล่านี้ ซึ่งอาจสะท้อนท่าทีใหม่ต่อการกำกับดูแล ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’

ไมเคิล คูเกลแมน(Michael Kugelman) ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียใต้กล่าวว่า “ทั้งสหรัฐและปากีสถานมีผลประโยชน์ร่วมในประเด็นเกี่ยวกับแร่สำคัญ, คริปโต และความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย” พร้อมชี้ว่า “ทรัมป์ให้ความสำคัญต่อประเด็นเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่มูนีร์ก็มีอำนาจในการหารือเชิงลึกในเรื่องเหล่านี้” ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ นี้ตอกย้ำความสำคัญของสินทรัพย์ดิจิทัลในนโยบายระหว่างประเทศยุคใหม่

อีกทั้ง การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเมื่อปากีสถานซึ่งมีพรมแดนติดกับอิหร่าน ได้ปิดเส้นทางการค้าสำคัญบริเวณชายแดน ทำให้การเจรจาครั้งนี้ถูกจับตามองว่า สหรัฐจะมีท่าทีอย่างไรต่อสถานการณ์ที่อ่อนไหวเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม การเยือนของมูนีร์กลับไม่ได้รับเสียงตอบรับเป็นเอกฉันท์ในสหรัฐ โดยกลุ่มพลัดถิ่นที่สนับสนุนพรรค PTI ซึ่งเป็นฝ่ายค้านของปากีสถาน ได้รวมตัวประท้วงหน้าทำเนียบขาว โดยกล่าวหาว่าเขามีส่วนร่วมในการปราบปรามประชาธิปไตย บางกลุ่มถึงขั้นเรียกมูนีร์ว่าเป็น ‘ฆาตกร’ พร้อมระบุว่าการพบกับทรัมป์อาจถูกวิพากษ์จากมุมของ ‘สิทธิมนุษยชน’

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของอินเดีย ยังตั้งข้อสงสัยต่อการมีบทบาทของกองทัพปากีสถานในเหตุการณ์ก่อการร้ายที่แหล่งท่องเที่ยวในเมืองพาฮัลกัม แคว้นแคชเมียร์ และมองว่าท่าทีของรัฐบาลสหรัฐที่ให้ความสำคัญกับกองทัพปากีสถานในเวลานี้เป็นเรื่องที่ ‘ผิดปกติ’

แม้คริปโตจะไม่ได้อยู่ในวาระการเจรจาอย่างเป็นทางการ แต่หลายฝ่ายมองว่า ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ยังคงแผ่ซ่านอยู่ในบรรยากาศของการพบปะ ระหว่างทรัมป์และมูนีร์ ซึ่งอาจมีผลต่อแนวทางการควบคุมตลาดคริปโตและการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศในอนาคต โดยตลาดคริปโตทั่วโลกกำลังจับตามอง *ความเคลื่อนไหวนี้* อย่างใกล้ชิด