วีซา(Visa) จับมือกับสตาร์ทอัพด้านคริปโต ‘เยลโลว์การ์ดไฟแนนเชียล(Yellow Card Financial)’ เดินหน้าผลักดันการใช้ ‘ดอลลาร์ดิจิทัล’ ในอัฟริกา ผ่านการใช้เหรียญ *สเตเบิลคอยน์* สำหรับการโอนเงินข้ามพรมแดน โดยมีแผนเริ่มต้นโครงการในประเทศใดประเทศหนึ่งภายในปีนี้ ก่อนขยายสู่หลายประเทศในปีหน้า การร่วมมือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงการบรรจบกันระหว่างระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีคริปโตที่เริ่มเกิดขึ้นอย่างจริงจัง
ทั้งสองบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อส่งเสริมการใช้ *สเตเบิลคอยน์* ในตลาดเกิดใหม่ โดย 'เยลโลว์การ์ด' จะเปิดให้บริการรับ–ส่งเงินผ่านสเตเบิลคอยน์ร่วมกับ ‘วีซา’ ภายในปี 2024 ในอย่างน้อยหนึ่งประเทศ ก่อนจะขยายบริการไปยังประเทศอื่นๆ ในปีถัดไป
คริส มอริส(Chris Maurice) ซีอีโอร่วมของเยลโลว์การ์ดกล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วย ‘ยกระดับประสิทธิภาพ’ ในการบริหารเงินทุนและเพิ่มความสามารถในการจัดการสภาพคล่อง พร้อมชี้ว่าจุดมุ่งหมายหลักคือ “การมอบวิธีโอนเงินที่มีต้นทุนต่ำและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น” เขาระบุว่า “เทคโนโลยีบล็อกเชนและการเงินแบบดั้งเดิมสามารถผนวกเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประโยชน์ที่จับต้องได้จริงให้กับผู้ใช้งาน”
ข้อมูลจากรายงานล่าสุดของเชนแอนาลิซิส(Chainalysis) พบว่าในปี 2024 การใช้งานคริปโตโดยรวมในภูมิภาคซับซาฮารา แอฟริกา ยังคงเติบโตอย่างช้าๆ แต่ในทางกลับกัน การยอมรับ *สเตเบิลคอยน์* กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศที่เผชิญกับวิกฤตสกุลเงินท้องถิ่น และเข้าถึงดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ยาก ทำให้เกิดความต้องการ ‘สกุลเงินดิจิทัลอิงดอลลาร์’ เพื่อใช้เป็นทรัพย์สินที่มีเสถียรภาพมากกว่า
หนึ่งในข้อดีของ *สเตเบิลคอยน์* คือสามารถโอนเงินข้ามประเทศได้โดยลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งทำให้เหรียญเหล่านี้เริ่มกลายเป็น ‘ทางเลือกใหม่’ ด้านการเงินในหลายประเทศของแอฟริกา ความร่วมมือของวีซาและเยลโลว์การ์ดครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการตอบสนองความต้องการนั้น และอาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนภาพรวมบริการโอนเงินในภูมิภาคนี้อย่างมีนัยยะสำคัญ
ความคิดเห็น 0