ราคาพายเน็ตเวิร์ก(PI) ร่วงหนักแตะ 0.40 ดอลลาร์ นักลงทุนเดือดจวกผู้ก่อตั้งเป็นมิจฉาชีพ

ราคาของพายเน็ตเวิร์ก(Pi Network) ร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ความไม่พอใจของนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้น โดยแม้แต่นิโคลัส โคคาลิส(Nicolas Kokkalis) ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการต้องออกมาแสดงความเห็นเพื่อสงบสถานการณ์ แต่กลับโดนผู้สนับสนุนบางส่วนต่อว่าเป็น ‘มิจฉาชีพ’ สะท้อนความไม่ไว้วางใจที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ราคาเหรียญพาย(PI) เคยดิ่งลงไปแตะระดับ 0.47 ดอลลาร์ (ประมาณ 650 บาท) ซึ่งใกล้เคียงกับแนวรับทางจิตวิทยาที่ 0.50 ดอลลาร์ (ราว 695 บาท) และแม้จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ โดยการปรับฐานในครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ที่ลากราคาของบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และเหรียญหลักอื่น ๆ ร่วงตามกันหมด ซึ่งบิตคอยน์ก็หลุดกรอบ 100,000 ดอลลาร์ (ราว 1.39 ล้านบาท) เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน

ท่ามกลางภาวะตึงเครียด โคคาลิสได้โพสต์ผ่านเครือข่ายสังคมเพื่อชี้แจงว่า “การปรับฐานในครั้งนี้เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว” และเน้นว่านักลงทุนควรมองภาพรวมของตลาดคริปโตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การแสดงความเห็นดังกล่าวกลับถูกตีความว่าเป็นการแก้ตัว หนึ่งในผู้ใช้แสดงความไม่พอใจพร้อมถามแบบตรง ๆ ว่า “คุณเป็นมิจฉาชีพใช่ไหม? ทำไมราคาพายถึงตกทุกวัน?” ซึ่งโคคาลิสตอบโต้กลับว่า “คุณเข้าใจตลาดคริปโตดีพอหรือไม่? เหรียญอื่นก็ร่วงหมดเหมือนกัน”

นักลงทุนรายดังกล่าวยังเสริมอีกว่า ตั้งแต่ลงทุนในพาย พบว่ามีรอบขาขึ้นแค่ 3 ครั้ง แต่ราคาร่วงถึง 5 ครั้ง ทำให้ไม่เหลือความเชื่อมั่น และประกาศจะตัดขาดจากการลงทุนในโครงการแบบนี้อีกต่อไป ความไม่พอใจในครั้งนี้จึงไม่ได้สะท้อนเพียงแค่การร่วงของราคาเท่านั้น แต่ยังเป็น ‘ความเชื่อมั่น’ ที่ถูกกระแทกไปทั้งระบบนิเวศของพายเน็ตเวิร์ก

‘ดร. อัลท์คอยน์’ นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง แสดงความคิดเห็นว่า “ราคาของพายลงมาแตะระดับ 0.40 ดอลลาร์ (ราว 555 บาท) แล้ว และมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนไหวอยู่บริเวณนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปลายเดือนสิงหาคม” อีกทั้งงานกิจกรรม “พายเดย์ 2” ที่มีกำหนดในปลายเดือนมิถุนายนนี้ ก็ไม่น่าจะช่วยให้ราคาเหรียญกลับมาฟื้นตัวได้

แม้พายเน็ตเวิร์กยังคงมีฐานผู้ใช้งานระดับโลกและแผนระยะยาวในการสร้างระบบนิเวศแบบไร้ศูนย์กลาง แต่ความ ‘ขาดความเชื่อมั่น’ ในตลาดขณะนี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ ‘อนาคต’ ของโครงการได้โดยตรง และหากตลาดยังไม่สามารถกลับเข้าสู่ภาวะกระทิง ความ ‘เปราะบาง’ ของพายจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้