OKX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก กลับมาลุยตลาดสหรัฐอีกครั้ง พร้อมส่งสัญญาณอาจเข้าตลาดหุ้น ซึ่งสร้างความสนใจในอุตสาหกรรมอย่างมาก ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก OKX ยอมจ่ายค่าปรับ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,950 ล้านบาท) ให้กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อยุติคดีที่เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายฟอกเงิน
ตามรายงาน OKX ถูกกล่าวหาว่าให้บริการซื้อขายคริปโตฯ โดยไม่มีใบอนุญาตในสหรัฐตั้งแต่ปี 2018 จนถึงต้นปี 2024 รวมเป็นมูลค่าการทำธุรกรรมสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,390 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ปีนี้ บริษัทได้ยอมรับผิดและจ่ายค่าปรับจำนวนมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการคริปโตฯ เพื่อปิดจุดเสี่ยงทางกฎหมาย
หลังจากนั้น OKX ได้ตั้งสำนักงานใหญ่ในสหรัฐขึ้นที่เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมแต่งตั้ง โรชาน โรเบิร์ตส์ อดีตผู้บริหารจากธนาคารบาร์เคลย์ส เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) ของ OKX US พร้อมกับปรับโครงสร้างการกำกับดูแลใหม่ ได้แก่ การยกระดับกระบวนการยืนยันตัวตน(KYC) และการป้องกันการฟอกเงิน(AML) โดย โรเบิร์ตส์ ระบุว่า การกลับเข้าสู่ตลาดครั้งนี้เป็น “คำมั่นสัญญาในการเติบโตอย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ”
แม้ OKX ยังไม่ได้ประกาศแผนการเข้าตลาดหุ้น(IPO) อย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวในตลาดหลายแห่งเริ่มมองว่าบริษัทอาจกำลังเตรียมความพร้อมภายในเพื่อเดินหน้าเข้าตลาดในอนาคตอันใกล้ ปัจจุบัน OKX มียอดซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ราว 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.7 แสนล้านบาท) และมีคะแนนความน่าเชื่อถือถึง 10 เต็มจากหลายแพลตฟอร์มการจัดอันดับ
‘ความคิดเห็น’: การที่ OKX อาจพิจารณา IPO ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระแสใหม่ในอุตสาหกรรมคริปโตฯ ที่บริษัทจำนวนมากเริ่มหันมาทำ IPO อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เซอร์เคิล ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ ก็เพิ่งเข้าตลาดหุ้นเมื่อต้นเดือน และราคาพุ่งกว่า 500% นอกจากนี้ เจมิไน และคราเคน ก็เตรียมจะเข้าตลาดภายในปีนี้หรือต้นปีหน้าเช่นกัน
ในภาพรวม การที่ OKX กลับเข้าสู่ตลาดสหรัฐ ไม่ได้หมายถึงเพียงการขยายธุรกิจในประเทศเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่อระหว่างอุตสาหกรรมคริปโตฯ และระบบการเงินกระแสหลักมากยิ่งขึ้น IPO ของ OKX ในอนาคตอาจเป็นเครื่องมือหลักในการระดมทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี รับมือกับกฎระเบียบ และขยายธุรกิจทั่วโลก ทั้งยังอาจส่งผลต่อการปรับโครงสร้างวงการคริปโตฯ ในระยะยาวอีกด้วย
ความคิดเห็น 0