บิตคอยน์(BTC) ร่วงทะลุแนวรับจิตวิทยาสำคัญ 1 แสนดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลที่พุ่งสูงขึ้นทั่วตลาด หลังเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอล โดยบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนอย่างคริปโตควอนท์(CryptoQuant) ชี้ว่าการร่วงครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การ ‘ปรับฐานราคา’ ทั่วไป แต่เกิดจาก ‘อุปสงค์ที่พังทลาย’ ซึ่งแทบไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายปี
ศูนย์กลางของความวุ่นวานในครั้งนี้อยู่ที่ความเคลื่อนไหวของอิหร่านในการเตรียม ‘ปิดช่องแคบฮอร์มุซ’ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันประมาณ 20–30% ของโลก หลังรัฐสภาอิหร่านมีมติอนุมัติให้ดำเนินการดังกล่าว ผลกระทบต่อราคาน้ำมันโลกจึงรุนแรงทันที และทำให้สหรัฐฯ กังวลว่าอัตราเงินเฟ้อ (CPI) อาจเร่งตัวอีกครั้ง โดยเจพีมอร์แกนมีการคาดการณ์ว่าน้ำมันอาจพุ่งถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันที่อาจพุ่งสูงขึ้นได้สร้างแรงกดดันต่อเฟด (Fed) ให้กลับมาใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงอีกครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างคริปโต ส่งผลให้บิตคอยน์ร่วงจากระดับ 1 แสนดอลลาร์ที่ยืนมานานกว่า 45 วัน และมูลค่าตลาดรวมก็หดตัวลงเหลือประมาณ 3.12 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 4,342.8 ล้านล้านวอนความคิดเห็น
ด้านเทคนิค บิตคอยน์กำลังเข้าสู่รูปแบบ ‘ยอดสองชั้น’ หรือ ‘Double Top’ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบ โดยนักวิเคราะห์เจ้าของชื่อในวงการอย่างคริปโตคิด(CryptoKid) ระบุว่า แนวรับสำคัญอยู่ที่ 97,600 ดอลลาร์ และ 93,100 ดอลลาร์ ขณะที่บางรายคาดว่าอาจรูดต่อไปถึงระดับ 91,960 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่มี CME ฟิวเจอร์ส เกิดช่องว่างราคารอปิดอยู่
บรรยากาศตึงเครียดนี้ไม่ได้กระทบแค่บิตคอยน์ แต่ยังลาก *อัลต์คอยน์* หลายตัวร่วงตามด้วย โดยโซลานา(SOL), ดอจคอยน์(DOGE) และอะวาแลนเช(AVAX) ต่างร่วงลงมากกว่า 10% และเข้าใกล้ระดับต่ำสุดของช่วงตลาดหมีครั้งก่อน แม้นักลงทุนบางรายจะมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ให้ความสำคัญกับการลด ‘เลเวอเรจ’ และจัดการความเสี่ยงให้ดี
ภายใต้ความผันผวนนี้ ตลาดคริปโตน่าจะยังคงตอบสนองอย่างไวต่อพัฒนาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำอีกครั้งว่า แม้คริปโตจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ทางเลือก แต่ในทางปฏิบัติก็ยังคง ‘เปราะบาง’ ต่อแรงกระแทกรอบโลกเหมือนสินทรัพย์ทั่วไป
ความคิดเห็น 0