เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน (เวลาท้องถิ่น) ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงอย่างฉับพลันหลังจากมีรายงานว่าสหรัฐฯ ได้โจมตีไซต์นิวเคลียร์ในอิหร่าน แต่ภายในวันถัดมาก็สามารถฟื้นตัวกลับมาเกือบเต็มที่ โดยปิดสัปดาห์ด้วยการปรับลดเพียง 1.27% น้อยกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึง *เสถียรภาพ* ที่บิตคอยน์แสดงออก แม้ในภาวะความตึงเครียดทางการทหาร
ตลอด 10 วันกลางเดือนมิถุนายน เหตุปะทะระหว่างอิสราเอลและอิหร่านทวีความรุนแรงขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายต่างเปิดฉากโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ ตัดสินใจใช้ระเบิด ‘บังเกอร์บัสเตอร์’ น้ำหนัก 30,000 ปอนด์ (ประมาณ 13.6 ตัน) โจมตีเป้าหมายสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางนี้ บิตคอยน์ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดที่ 98,286 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.36 ล้านบาท) ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัว
แม้จะเกิดการปรับฐาน แต่การเคลื่อนไหวของตลาดยังคง *เป็นระบบ* และไม่ตื่นตระหนกอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ปราศจากภาวะเทขายแบบตื่นตระหนก นักลงทุนยังคงถือเหรียญต่อเนื่อง ประกอบกับแรงซื้อกลับที่หนุนราคาให้กลับมายืนเหนือระดับจิตวิทยาสำคัญ โดยราคาปิดสัปดาห์อยู่ที่ 100,760 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 ล้านบาท) กลับเข้าสู่ระดับเลขหกหลัก ซึ่งแสดงถึง *ความยืดหยุ่นเกินคาด* ของบิตคอยน์ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ความมั่นคงที่รุนแรงที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางในรอบหลายปี
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ ข่าวความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกมักส่งผลโดยตรงต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัล การติดตามผลกระทบเหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญต่อทั้งผู้ค้าระยะสั้น นักลงทุนระยะยาว ไปจนถึงผู้ที่เพิ่งเข้าสู่โลกคริปโต เหตุการณ์ล่าสุดแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ตลาดเริ่ม *ยอมรับความผันผวนจากสงคราม* ว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวตามปกติ นับเป็นสัญญาณของโครงสร้างตลาดบิตคอยน์ที่มี *พัฒนาการในเชิงสถาบันและวุฒิภาวะ* อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0