Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

คริปโตดอทคอมเผยบทบาทกลไกฉันทามติ ขับเคลื่อนความปลอดภัยและประสิทธิภาพในโลกบล็อกเชน

แพลตฟอร์มคริปโตเคอเรนซีระดับโลกอย่างคริปโตดอทคอม(Crypto.com) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่าระบบ ‘กลไกฉันทามติ’ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเครือข่ายบล็อกเชน มีบทบาทอย่างยิ่งในการกำหนดหลักการทำงานของคริปโตฯ และเป็นศูนย์กลางที่ช่วยรับรอง ‘ความน่าเชื่อถือ’ และ ‘ความปลอดภัย’ ของระบบนิเวศโดยรวม รายงานฉบับนี้ยังได้เปรียบเทียบกลไกฉันทามติหลายประเภท เช่น การพิสูจน์ด้วยพลังงาน(Proof of Work - PoW) และการพิสูจน์ด้วยการถือครอง(Proof of Stake - PoS) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการทางเทคนิคที่มุ่งสร้าง ‘ความสามารถในการขยายตัว (Scalability)’ ควบคู่กับ ‘ความกระจายตัว (Decentralization)’ ของเครือข่าย

กลไกฉันทามติเป็นชุดของโปรโตคอลที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมในระบบบล็อกเชนแบบกระจายตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมร่วมกัน และบันทึกข้อมูลเพียงหนึ่งเวอร์ชันที่ถูกต้อง ซึ่งให้ประโยชน์ทั้งในด้าน ‘ความโปร่งใส’ และ ‘การลดการรวมศูนย์’ รายงานจากคริปโตดอทคอมยังชี้ว่า กลไกเหล่านี้มีผลอย่างมากต่อ ‘ความปลอดภัยของระบบ’ ‘ประสิทธิภาพพลังงาน’ และ ‘ต้นทุนในการขยายเครือข่าย’

หนึ่งในรูปแบบกลไกที่รู้จักกันดีคือ *การพิสูจน์ด้วยพลังงาน(PoW)* ซึ่งใช้ครั้งแรกในบิตคอยน์(BTC) ระบบนี้อาศัยการประมวลผลที่ใช้พลังงานสูงเพื่อแข่งขันกันแก้โจทย์ทางคณิตศาสตร์และได้สิทธิ์ในการผลิตบล็อกใหม่ แม้จะมีความน่าเชื่อถือสูง แต่ก็เผชิญกับ ‘ปัญหาการใช้พลังงานมหาศาล’ และ ‘ต้นทุนด้านอุปกรณ์’ ซึ่งส่งผลต่อความยั่งยืนของระบบ ตรงกันข้ามกับนั้น *การพิสูจน์ด้วยการถือครอง(PoS)* ทำให้สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ด้วยพลังงานน้อยลง โดยใช้ระบบการวางเงินค้ำประกัน (Staking) ทำให้เข้าถึงกระบวนการตรวจสอบได้ง่ายกว่า สำหรับอีเธอเรียม(ETH) ได้เปลี่ยนจาก PoW มาสู่ PoS อย่างเป็นทางการในปี 2022 ผ่านเหตุการณ์ "The Merge"

นอกจากนี้ยังมีกลไกแบบ *การพิสูจน์โดยผู้แทน(Delegated Proof of Stake - DPoS)* ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้โหวตเลือกตัวแทนที่ไว้ใจได้มาทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมแบบกระจายและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการสร้างบล็อกอย่างรวดเร็ว เช่นที่เห็นในการใช้งานของ อีโอเอส(EOS) ทั้งนี้รายงานของคริปโตดอทคอม ระบุว่า DPoS เป็นโมเดลที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับสมดุลระหว่าง ‘ความกระจายอำนาจ’ และ ‘ธรรมาภิบาล’ ได้ดี

กลไกแบบผสมหรือ *กิจกรรมฉันทามติ (Hybrid Consensus)* ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน เช่น *การพิสูจน์ด้วยกิจกรรม(Proof of Activity - PoA)* ที่นำข้อดีของ PoW และ PoS มาผสานกัน โดยใช้ PoW ในขั้นแรกเพื่อสร้างร่างบล็อก จากนั้นจึงใช้กลุ่มตรวจสอบจาก PoS มายืนยันข้อมูล ระบบนี้ถูกใช้งานในโครงการอย่าง ดีเครด(DCR) แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่องต้นทุนสูงและอาจเกิดการรวมศูนย์ของผู้ตรวจสอบ

รายงานยังกล่าวถึงกลไกอื่น ๆ เช่น *การพิสูจน์ด้วยสิทธิ์ (Proof of Authority - PoA)* ซึ่งอิงจากตัวตนของผู้ตรวจสอบ, *การพิสูจน์ด้วยการเผาเหรียญ (Proof of Burn - PoB)* และ *การพิสูจน์ด้วยความจุ (Proof of Capacity - PoC)* ส่วน *การพิสูจน์ด้วยประวัติ (Proof of History - PoH)* ที่โซลานา(SOL) ใช้ ก็เป็นโมเดลที่ช่วยตรวจสอบลำดับเวลาในบล็อกเชนอย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่ม ‘ความเร็วในการประมวลผลธุรกรรม’ ได้อย่างมาก

ในบริบทที่การประยุกต์ใช้บล็อกเชนขยายไปหลายรูปแบบ การเลือก ‘กลไกฉันทามติ’ ให้เหมาะกับโครงการจึงเป็นเรื่องสำคัญ รายงานจากคริปโตดอทคอม ระบุว่าแต่ละกลไกมีทั้ง ‘จุดแข็งทางเทคนิค’ และข้อจำกัดเฉพาะตัว และแนวโน้มต่อไปจะมุ่งสู่การพัฒนาโปรโตคอลใหม่ที่รวมทั้ง ‘ความสามารถในการขยายตัว’ และ ‘ประสิทธิภาพพลังงาน’ เข้าด้วยกัน

ความคิดเห็น: แม้ปัจจุบันยังไม่มี ‘กลไกฉันทามติ’ ที่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนยังคงดำเนินต่อไป โดยเน้นการออกแบบโครงสร้างที่ตอบโจทย์ทั้งด้าน ‘ประสิทธิภาพ’, ‘ความเชื่อมั่นของผู้ใช้’, และ ‘ความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน’ ผ่านการเลือกใช้กลไกฉันทามติที่เหมาะสมกับแต่ละโปรเจกต์อย่างแท้จริง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1