สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) กำลังปรับโครงสร้างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายด้านคริปโต และมีรายงานว่าบางส่วนของพนักงานถูกโอนย้ายไปยังแผนกอื่น
เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าว 5 รายว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายด้านคริปโตของ SEC ซึ่งมีขนาด 50 คน กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินงาน โดยมีรายงานว่าทนายความบางรายถูกโอนไปยังแผนกอื่นภายในองค์กร และมีเจ้าหน้าที่หลักหนึ่งรายถูกย้ายออกจากแผนกบังคับใช้กฎหมาย ทำให้เกิดข้อกังขาภายในว่าเป็น ‘การลดตำแหน่งโดยไม่เป็นธรรม’
ทางด้านโฆษกของ SEC ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อคำขอของ CoinDesk
การปรับโครงสร้างนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เฮสเตอร์ เพียร์ซ กรรมาธิการของ SEC เปิดเผยแนวทางใหม่ในการกำกับดูแลคริปโตไม่นาน โดยเธอระบุว่า SEC กำลังพิจารณาประเมินว่าสินทรัพย์คริปโตใดเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ รวมถึงการให้อภัยย้อนหลังสำหรับโทเคนบางประเภท ซึ่งเธอชี้ว่าการบังคับใช้กฎหมายของ SEC ก่อนหน้านี้มีลักษณะ ‘เข้มงวดเกินไป’ และต้องมีการปรับให้สมดุลมากขึ้น
เมื่อปีที่แล้ว SEC ดำเนินมาตรการบังคับใช้ด้านคริปโตรวม 33 ครั้ง กับ 90 บริษัทและบุคคล โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัย Cornerstone Research ชี้ว่า ส่วนใหญ่เป็นกรณีของการขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนและข้อกล่าวหาการฉ้อโกง
การปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสการเปลี่ยนแปลงบุคลากรใน SEC ที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เกอร์เบียร์ กรีวอล ผู้อำนวยการฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของ SEC ได้ลาออก ซึ่งนำไปสู่การคาดการณ์ว่าแนวทางการกำกับดูแลคริปโตอาจผ่อนคลายลง เนื่องจากก่อนหน้านั้นเขาเป็นผู้ผลักดันให้มีมาตรการเข้มงวดกับอุตสาหกรรมคริปโต รวมถึงการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่
หลังการลาออกของกรีวอล ซานเจย์ วัดวา ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของ SEC ได้เข้ามารับหน้าที่รักษาการแทน แต่เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา เขาก็ได้ลาออกจาก SEC หลังการทำงานมา 21 ปี ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 20 มกราคม แกรี เกนส์เลอร์ ประธาน SEC ก็ได้ประกาศลาออก ทำให้การเปลี่ยนแปลงผู้นำขององค์กรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผลกระทบของการปรับโครงสร้างดังกล่าวต่ออุตสาหกรรมคริปโตยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ โดยบางฝ่ายมองว่าการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดอาจลดลง ในขณะที่บางส่วนยังคงกังวลว่าความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบจะดำเนินต่อไป ผู้เล่นในอุตสาหกรรมกำลังจับตาดูว่า SEC ภายใต้ผู้นำคนใหม่จะกำหนดทิศทางการกำกับดูแลไปในทิศทางใด
ความคิดเห็น 0